การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้แต่ง

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.278041

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD, กลวิธี STAR, ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์ : การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR เป็นการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งใช้เทคนิค STAD ที่มีการทำงานเป็นทีมและการแข่งขันสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้การแก้โจทย์ปัญหาที่มีความยากและซับซ้อน และใช้กลวิธี STAR สร้างทักษะการแก้โจทย์ปัญหาให้เป็นระบบตามขั้นตอนที่เหมาะสม การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR กับเกณฑ์ร้อยละ 70 และ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR

ระเบียบวิธีการวิจัย : กลุ่มที่ศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม ที่เรียนรายวิชาเคมี 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 38 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ จำนวน 4 แผน รวม 12 ชั่วโมง ซึ่งมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาแบบอัตนัย จำนวน 4 ข้อ มีความเที่ยงตรง โดยแต่ละข้อมีดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 ค่าดัชนีความยาก (p) ตั้งแต่ 0.50 ถึง 0.54 ค่าดัชนีอำนาจจำแนก (D) ตั้งแต่ 0.49 ถึง 0.51 และค่าความ เชื่อมั่น เท่ากับ 0.97 และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR จำนวน 13 ข้อ มีความเที่ยงตรง โดยแต่ละข้อมีดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 ค่าดัชนีอำนาจจำแนก (D) ตั้งแต่ 0.45 ถึง 0.75 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว

ผลการวิจัย : 1) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR มีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR อยู่ในระดับมากที่สุด

สรุปผล : ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR สามารถส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนได้ และทำให้นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้ จึงควรนำการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR ไปช่วยส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียน อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาทั้งด้านวิชาการและสังคมโดยการกิจกรรมร่วมกันเป็นทีม

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. Retrieved from: https://www.ipst.ac.th/wp-content/uploads/2021/04/IndicatorSci2560.pdf

ทอฝัน แววกระโทก และ ผดุง เพชรสุข. (2565). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD รายวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารนวัตกรรมการจัดการศึกษาและการวิจัย, 4(2), 27-42.

ทิศนา แขมมณี. (2559). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธนิสา กองเพ็ชร. (2561). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานเรื่องความคล้าย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนดอนเมืองจาตุรจินดา โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือตามรูปแบบ STAD. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. สุวีริยาสาส์น.

พงษ์พันธ์ พงษ์โสภา. (2542). จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: พัฒนศึกษา.

ไพศาล วรคำ. (2566). การวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 14: ตักสิลาการพิมพ์.

รัตนพร บูรณะพล. (2564). การพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับกลวิธี STAR ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 15(1), 123-136.

ศุภลักษณ์ ตรีสุวรรณ. (2548). แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท เอซ อินชัวรันซ์จำกัด. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.

สมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย. (2566). สถิติการสอบ. https://www.mytcas.com/stat

สุปราณี กิ่งนาค และ พรรณราย เทียมทัน. (2562). ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. การประชุมวิชาการระดับชาติ“ครุศาสตร์ ศึกษา ครั้งที่ 2” ในวันที่ 21- 22 มีนาคม 2562 ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอล ศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

American Chemical Society. (2018). Why is Chemistry Important? Retrieved from: https://www.acs.org/content/ acs/en/careers/college-to-career/chemistry-careers/why-chemistry-important.html

Luft, J.A. (2023). The Global Importance of Science Education. Retrieved from: https://www.nsta.org/blog/global-importance-science-education

National Academies. (2022). The Future of Education Research at IES Advancing an Equity-Oriented Science. Retrieved from: https://nap.nationalacademies.org/catalog/26428/the-future-of-education-research-at-ies-advancing-an-equity

Royal Society of Chemistry. (2022). Why is Chemistry Important? Retrieved from: https://www.rsc.org/campaigning-outreach/campaigning/chemistry-and-society/why-chemistry-important

Shater, A., & Shana, Z.A. (2022). The Effectiveness of Star Strategy Learning on Gifted Students’Mathematical Creative Thinking Ability. Information Sciences Letters, 12(4), 1767-1774.

Slavin, R.E. (2015). Cooperative learning: Theory, research, and practice, 3rd edition. Pearson.

Tro, N.J. (2017). Chemistry: A molecular approach. Pearson.

UNESCO. (2015). Education 2030: Incheon Declaration and Framework for Action for the Implementation of Sustainable Development Goal 4. Retrieved from: https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000245656

UNESCO. (2019). Education for Sustainable Development Goals: Learning Objectives. United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization. UNESCO.

Widarti, H.R., & Amalia, E.R.F. (2024). The Implementation of Integrated Instagram Learning Media with STAD Student Teams Achievement Divisions on Increasing Learning Outcomes on The Topic of Reaction Rate. E3S Web of Conferences 481, 04002. https://doi.org/10.1051/e3sconf/202448104002

Woon, C.H., & Liu, W.C. (2016). The relationship between students’ satisfaction and learning performance in the context of active learning. Wageningen University.

World Bank. (2018). World Development Report 2018: Learning to Realize Education’s Promise. World Bank.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-10-18

รูปแบบการอ้างอิง

แย้มเกษร ห., & วรคำ ไ. (2024). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกลวิธี STAR เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(5), 589–606. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.278041

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ