ผลของการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้แต่ง

  • พิริยา ม่วงแจ่ม ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0009-0003-7208-1137
  • เด่นดาว ชลวิทย์ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0009-0001-5720-8131

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.277002

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้แบบ MIA; , ความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การอ่านมีความสำคัญ สืบเนื่องจากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้มนุษย์รู้จักค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การอ่านจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้อ่าน มีความรู้และความคิดกว้างไกล โดยเฉพาะการอ่านเพื่อความเข้าใจ จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจสิ่งที่อ่านได้อย่างแท้จริง แต่ด้วยปัญหาการอ่านเพื่อความเข้าใจในปัจจุบัน พบว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจเรื่องราวอย่างแท้จริง ไม่สามารถจับประเด็นสำคัญจากเรื่องที่อ่านได้ ส่งผลให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการอ่านต่ำกว่าเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดไว้ ประกอบกับขาดความรู้ความเข้าใจในการอ่านที่ถูกต้อง ผู้วิจัยจึงมีความสนใจจะนำวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ที่เป็นการผสมผสานบูรณาการการจัดกิจกรรมมาพัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ โดยการวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลของการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียน

ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/3 โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) สำนักงานเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 41 คน ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Pre-Experimental Design) ใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียว ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pretest - Posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านเพื่อความเข้าใจ โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA จำนวน 3 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง และแบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในทดสอบสมมติฐานคือทดสอบค่า (t–test dependent)

ผลการวิจัย: คะแนนความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA มีค่าเฉลี่ย 13.66 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 4.09 และหลังใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 18.95 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.09 ซึ่งสรุปได้ว่า ความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ หลังเรียนโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 จะเห็นได้ว่าการจัดการเรียนรู้แบบ MIA มีกิจกรรมการสอนที่หลากหลากผสมผสานทั้งฟัง ดู พูด อ่าน เขียน ควบคู่กันไปตลอด เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มทำให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้นและความสนุกสนานจากการทำกิจกรรม สร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้นักเรียนเรียนพัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น

สรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าความเข้าใจในการอ่านดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการสอนโดยใช้วิธีบริหารจัดการการเรียนรู้แบบ MIA วิธีการบูรณาการของวิธีการ MIA ซึ่งรวมเอากิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียน เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะความเข้าใจ และช่วยให้นักเรียนมีบทบาทอย่างแข็งขันในการพัฒนาการอ่านของตนเอง

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภา ลาดพร้าว.

กฤษฎา โพธ์ชัยรัตน์. (2556). ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนแตกต่างโดยกิจกรรมการอ่านแบบกว้างขวาง. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ฉวีวรรณ คูหาภินันท์. (2542). การอ่านและการส่งเสริมการอ่าน. กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร.

น้ำทิพย์ วิภาวิน. (2551). ภาษาไทยและการจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : ซีเอทีโซลูชั่น.

ละออ คันธวงศ์. (2551). ผลการใช้กิจกรรมพัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจด้วยนิทานพื้นบ้าน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง.

วราภรณ์ พูลสวัสดิ์. (2564). การจัดการเรียนรู้แบบ MIA เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจและการคิด วิเคราะห์วิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตพิบูลบำเพ็ญ.วิทยานิพนธ์ศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา.

สมุทร เซนเชาวนิช.(2542). เทคนิคการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

อรพัทธ ศิริแสง. (2558). การศึกษาความสามารถด้านการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ใช้วิธีสอนอ่านแบบ MIA. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร.

Dallman, M., & Deboer, J.J. (1978). The teaching of reading. 5th edition. New York: Holt, Richard and Winston.

Murdoch, G.S. (1986). A More Integrated Approach to the Teaching of Reading, English Teaching Forum. 34 (1), 9 – 15.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-07-24

รูปแบบการอ้างอิง

ม่วงแจ่ม พ. ., & ชลวิทย์ เ. . (2024). ผลของการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ MIA ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(4), 467–482. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.277002

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ