รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนากระบวนการทำงานของภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดลำปาง
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276988คำสำคัญ:
รูปแบบ; , การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม; , ภาคีเครือข่าย; , การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาฐานข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดลำปาง 2) สร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบเครือข่ายความร่วมมือด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และ 3) เปรียบกระบวนการทำงานของภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมก่อนและหลังการใช้รูปแบบ ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ที่มีบทบาทในการต่อยอดการพัฒนาบนฐานทุนทางวัฒนธรรม จำนวน 60 คน ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุมชน ครู และตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนตำบล ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เครื่องมือที่ใช้ คือ รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือฯ แบบสอบวัดความรู้ และแบบประเมินกระบวนการทำงานของภาคีเครือข่าย การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การพัฒนาฐานข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง ระยะที่ 2 การสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบเครือข่ายความร่วมมือฯ ระยะที่ 3 การเปรียบกระบวนการทำงานของภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดลำปาง ก่อนและหลังการใช้รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือฯ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย: ผลการวิจัยพบว่า 1) ฐานข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีองค์ประกอบคือ โครงสร้างของเครือข่าย วัตถุประสงค์ กฎกติกา กิจกรรม และแนวทางในการส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายดำเนินการตามบทบาทอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งคลิปวีดิโอเพื่อประชาสัมพันธ์เครือข่าย 2) รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มี 4 องค์ประกอบ คือ 2.1) ที่มาของรูปแบบ ประกอบด้วย ความเป็นมา แนวคิด และหลักการ 2.2) กระบวนการของรูปแบบ ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ บทบาทผู้เข้ารับการอบรม บทบาทวิทยากร ปัจจัยสนับสนุน การวัดและประเมินผล 2.3) ผลการใช้รูปแบบ และ 2.4) การนำรูปแบบไปใช้ ซึ่งรูปแบบมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุดและมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.27/83.81 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และ 3) กระบวนการทำงานของภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหลังการใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบ
สรุปผล: 1) ฐานข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีองค์ประกอบคือ โครงสร้างของเครือข่าย วัตถุประสงค์ กฎกติกา กิจกรรม และแนวทางในการส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายดำเนินการตามบทบาทอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งคลิปวีดิโอเพื่อประชาสัมพันธ์เครือข่าย 2) รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มี 4 องค์ประกอบ 3) กระบวนการทำงานของภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหลังการใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2561). การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: พี ดับบลิง พริ้นติ้ง.
กุลทัต หงส์ชยางกูร และ ปรัชญานันท์ เที่ยงจรรยา. (2560). การสร้างและการบริหารเครือข่าย. Retrieved on 12 October 2022, from: http://hsmi2.psu.ac.th/upload/forum/paper_1598_5f69ce9304e915f69ce.pdf
ฉวีวรรณ เคยพุดซา. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรูปแบบ RAJASEE เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย. วารสารจันทรเกษมสาร, 24(47), 64-78.
เดชา ลุนาวงค์ (2565). ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาภาวะผู้นำครูด้านการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนบ้านโคกก่องมิตรภาพที่ 86 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 2(6), 776–780.
ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงานวิจัย. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ประสาท เนืองเฉลิม. (2563). วิจัยการเรียนการสอน. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์จุฬาลงการมหาวิทยาลัย.
พิมพิกา นวนจา และ ศิริพงษ์ ลดาวัลย์ ณ อยุธยา (2563). ภาคีเครือข่ายการจัดการท่องเที่ยวของหมู่บ้านแม่กำปอง ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 11(2), 29-54.
ศศิพิสุทธิ์ หงส์สมบัติ และ ศศิพิมพ์มาศ หงส์สมบัติ. (2563). การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อฟื้นฟูตลาดชุมชน ตำบลบัวทอง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 10(2), 50-60.
ศิริพร ถาวรวิสิทธิ์ และ เสรี วงษ์มณฑา. (2564). แนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดน่าน.วารสารสมาคมนักวิจัย, 26(1), 244-256.
สมเกียรติ พันธรรม และ ชิตพล ชัยมะดัน. (2563). รูปแบบการบริหารจัดการชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กรณีศึกษา ชุมชนปากน้ำประแส จังหวัดระยอง. วารสารวิชาการบัณฑิตวิทยาลัยสวนดุสิต, 16(3), 89-106.
สมนึก ภัททิยธนี. (2556). การวัดผลการศึกษา. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์.
สัญญา ยือราน และ ศิวิไลซ์ วนรัตน์วิจิตร (2561). การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม สู่ความสำเร็จการเปลี่ยนแปลงนโยบายในระบบสุขภาพ. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, (5)2, 288-300.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.(2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่สิสอง พ.ศ. 2560-2564. Retrieved October 2, 2022, from: https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=6422.
สำนักงานสภาพัฒนาเศรฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 5 ประเด็นการท่องเที่ยวพ.ศ. 2561-2580. Retrieved October 2, 2022, from: http://nscr.nesdb.go.th/wp-content/.
สุมิตร สุวรรณ และคณะ. (2560). การสร้างเครือข่ายความร่วมมือพหุภาคี เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก จังหวัดนครปฐม. วารสารครุศาสตร์, 45(1), 282-298.
Crane, P., & O’Regan, M. (2010). On PAR Using Participatory Action Research to Improve Early Intervention. Department of Families, Housing, Community Services and Indigenous Affairs, Australian Government.
International Association for Public Participation (IAP2). (2007). The Spectrum of Public Participation. Retrieved from: http://www.iap2.org/associations/4748/files/IAP2%20Spectrum_vertical.pdf.
Joyce, B.R., & Weil, M. (1996). Models of teaching. London: Allyn & Bacon.
Richey, R.C., & Klein, J. (2007). Design and Development Research: Methods, Strategies, and Issues. Mahwah, NJ: Lawrence Erlbaum Associates, Publishers.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





