ผลของการสอนโดยใช้วิธีสอน OK5R ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้แต่ง

  • ใจฝัน ศิลปศร นักศึกษาปริญญาโท สาขาการสอนภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0009-0003-0308-9848

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276858

คำสำคัญ:

การอ่านเพื่อความเข้าใจ; วิ, ธีสอน OK5R; , นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การอ่านเพื่อความเข้าใจเป็นการอ่านที่มีความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 6 เนื่องจากช่วยให้นักเรียนสามารถแปลตัวอักษร คำ ข้อความ และประโยคอย่างเข้าใจ จนสามารถจับใจความของเรื่องที่อ่านได้ รวมถึงสามารถสรุปสาระสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ เช่น การเปรียบเทียบ คาดเดาเหตุการณ์ วิเคราะห์เจตนาของผู้เขียน และข้อคิดที่ได้รับจากเรื่องที่อ่าน ทั้งนี้ วิธีสอน OK5R เป็นวิธีสอนที่ช่วยให้นักเรียนได้เชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ ทำให้สามารถเข้าใจเรื่องที่อ่านได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการสอนโดยใช้วิธีสอน OK5R

ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านแสนรัก (นามสมมติ) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ t-test (Dependent Samples) ความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้วิธีสอน OK5R หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01

ผลการวิจัย: ผลการสอนโดยใช้วิธีสอน OK5R มีผลต่อความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทำให้ความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าวิธีสอน OK5R สามารถนำมาใช้พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนได้ เพราะมีลำดับขั้นตอนการจัดกิจกรรมที่ชัดเจน อีกทั้ง มีความน่าสนใจ ประกอบกับความหลากหลายของกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาความสามารถในการอ่านของนักเรียนได้เป็นอย่างดี

สรุปผล: การศึกษาแสดงให้เห็นว่าทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จะดีขึ้นอย่างมากเมื่อใช้วิธีการสอน OK5R สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแนวทางดังกล่าวทำงานได้ดีเพียงใดในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะผ่านกิจกรรมที่วางแผนไว้และน่าสนใจ

เอกสารอ้างอิง

กระทรงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

ฉวีลักษณ์ บุณยะกาญจน. (2557). จิตวิทยาการอ่าน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : สุวีริยาสาส์น.

นวภรณ์ อุ่นเรือน. (2560). ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารในงานอาชีพ. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น.

ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ. (2556). การพัฒนาการคิด. กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์ห้างหุ้นส่วนจำกัด919เทคนิคพริ้นติ้ง.

พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2558). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

มณีรัตน์ สุกโชติรักษ์. (2549). อ่านเป็น เรียนเก่ง สอนเก่ง. กรุงเทพมหานคร : นานมีบุ๊คส์พับลิงคชั่นส์.

วัชรพล วิบูลยศริน. (2561). วิธีวิทยาการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ศิวิภา ชูเรือง. (2550). การศึกษาความเข้าใจในการอ่านภาษาไทยและความพึงพอใจต่อวิธีการสอนแบบ OK5R ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ.

สนิท ตั้งทวี. (2546). อ่านไทย. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนโสตร์.

สนิท สัตโยภาส. (2556). ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารและสืบค้น (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร : บริษัท 21 เซ็นจูรี่ จำกัด.

สำลี รักสุทธี. (2553). สอนอย่างไรให้เด็กอ่านออก อ่านได้ อ่านคล่อง อ่านเป็น เขียนได้ เขียนคล่อง เขียนเป็น. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา.

สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์. (2545). หลักและวิธีการสอนอ่านภาษาไทย. กรุงเทพมหานคร : บริษัทโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช จำกัด.

Dallmann, M. and Boer, J.J. (1978). The teaching of reading. New York: Holt, Reinhart, and Winston.

Pauk, W. (1984). How to Study in College. New York: Houghton Mifflin Custom Publishing.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-07-05

รูปแบบการอ้างอิง

ศิลปศร ใ. . . . (2024). ผลของการสอนโดยใช้วิธีสอน OK5R ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(4), 181–194. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276858

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ