ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัย
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276694คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน; , ทักษะชีวิต; , เด็กปฐมวัยบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัยคือการพัฒนา และส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกทักษะชีวิตที่จำเป็น ให้เด็กสามารถจัดการกับความต้องการ และสิ่งท้าทายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะชีวิตยังรวมถึงความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย การเสริมสร้างทักษะชีวิตให้กับเด็กปฐมวัยจึงควรได้รับการปลูกฝังและสร้างเสริมตั้งแต่เด็ก การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้เป็นเด็กปฐมวัย ชาย - หญิง อายุ 4 – 5 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ปฐมวัย) จังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแผน การจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัย และแบบประเมินทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ t-test (dependent sample) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย: ผลการศึกษาพบว่าเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ย ทักษะชีวิตหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง โดยก่อนการทดลองมีคะแนนเฉลี่ย 10.53 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.81 และหลังการทดลองมีคะแนนเฉลี่ย 25.13 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.04 คะแนนเฉลี่ยทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการประเมินรายด้าน คือ ด้านการคิดวิเคราะห์ ด้านการตัดสินใจ ด้านการแก้ปัญหา และด้านการสื่อสาร พบว่าคะแนนเฉลี่ยระดับทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยก่อนการทดลองส่วนใหญ่อยู่ในระดับควรพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 80.00 รองลงมา คือ มีทักษะชีวิตระดับพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 20.00 และหลังการทดลองทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่ อยู่ในระดับดีมาก คิดเป็นร้อยละ 80.00 รองลงมา คือ มีทักษะชีวิตระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 13.33 และระดับดี คิดเป็นร้อยละ 6.67 ตามลำดับ คะแนนเฉลี่ยระดับทักษะชีวิตหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งจากผลการศึกษาในครั้งนี้มีข้อเสนอแนะ ดังต่อไปนี้ 1) ผู้บริหารควรส่งเสริมให้ มีการจัดบรรยากาศในโรงเรียนที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัย 2) ครูหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และ ในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน และ 3) โรงเรียนจัดโครงการให้ความรู้ผู้ปกครองเกี่ยวกับการฝึกทักษะชีวิต ให้กับเด็กปฐมวัยอย่างสม่ำเสมอเมื่ออยู่ที่บ้าน
สรุปผล: ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการใช้การจัดการเรียนรู้ตามปรากฏการณ์ในวัยเด็กช่วยพัฒนาทักษะชีวิตได้อย่างมาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้จากคะแนนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติหลังการทดลองในทุกด้านที่ได้รับการประเมิน ขอแนะนำให้สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สนับสนุนในโรงเรียน กิจกรรมสร้างทักษะชีวิตอย่างต่อเนื่อง และจัดโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ปกครองเกี่ยวกับการฝึกทักษะชีวิตในวัยเด็กที่บ้านเป็นประจำ
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. (2566). กรมควบคุมโรค เปิดสถิติหน้าร้อน ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบ “เด็กจมน้ำ” กว่า 9 ร้อยรายแนะผู้ปกครองสนับสนุนให้เด็กเรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด. สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. Retrieved on March 14, 2024, from https://n9.cl/ihqk8t
ชลาธิป สมาหิโต. 2562. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานสำหรับเด็กปฐมวัย.วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร. 39 (1), 113-129.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่10), กรุงเทพ: สุวีริยาสาส์น
ปิยะนันท์ หิรัณย์ชโลทร และ กันตวรรณ มีสมสาร. (2558). การพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับเด็กปฐมวัย. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ระพีพรรณ พัฒนาเวช. 2565. พัฒนาทักษะชีวิต. ไทยสมาคมสร้างสรรค์. Retrieved on June 17, 2023, fromhttp://www.taiwisdom.org/artclnchdev/lfskll/chddvpartcl04
รุ่งลาวัลย์ ละอำคา. (2557). ทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัย: แก่นแห่งชีวิตที่เสริมสร้างได้จากครอบครัว. วารสารวิจัยเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
เรวณี ชัยเชาวรัตน์. 2020. Phenomenon – Based Learning : การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน.Retrieved on October 20, 2022, from https://thepotential.org/knowledge/phenomenon-based-learning/
วรรธนา นันตาเขียน, กุลภัสสรณ์ ตั้งศิริวัฒนากุล และ สุกัลยา สุเฌอ. 2560. ทักษะชีวิตของเด็กปฐมวัยในยุคประเทศไทย 4.0 : LIFE SKILLS OF YOUNG LEARNERS IN THAILAND 4.0. วารสารการศึกษาและการพัฒนาสังคม. 13 (1), 7-18.
ศิริอร นพกิจ. (2561). บทความวิชการการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. วารสารและพัฒนาหลักสูตร. 8 (1), 53-66.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). การพัฒนาทักษะชีวิตในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน. Retrieved on June 17, 2023, fromhttp://www.esbuy.net/_files_school/00000883/document/00000883_0_20200811-095828.pdf
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580(ฉบับประกาศราชกิจจานุเบกษา). Retrieved on February 11, 2024, fromhttps://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/082/T_0001.PDF
สุริยะ หาญพิชัย. (2562). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาท้องถิ่นศึกษาโดยใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำวารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์. 4 (1), 15-26.
องค์การยูนิเซฟ. (2559). ทักษะชีวิต รหัสครูศตวรรษที่ 21 การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตแห่งศตวรรษที่ 21. Retrieved on June 17, 2023, from https://n9.cl/e6swx
อรพรรณ บุตรกตัญญู. (2561). การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานเพื่อการสร้างมุมมองแบบองค์รวม และการเข้าถึงโลกแห่งความจริงของผู้เรียน. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 46 (2), 348-365. DOI: https://doi.org/10.58837/CHULA.EDUCU.46.2.19
ออมวจี พิบูลย์, และกิตติชัย สุธาสิโนบล. (2564). การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานเพื่อการพัฒนาสมรรถนะข้ามพิสัย : กรณีศึกษาประเทศฟินแลนด์. วารสารศิลปะศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ. 3 (3),414-428.
อัจฉรีย์ พิมพิมูล. (2020). การพัฒนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาขั้นตอนวิธีและการเขียนโปรแกรม.Retrieved on November 18, 2023, fromhttps://so02.tcithaijo.org/index.php/edubuu/article/view/244352/165616
Daehler, K., & Folsom, J. (2016). Making Sense of Science: Phenomena-based Learning. Retrieved October 5, 2016, from http://www.WestEd.org/mss
World Health Organization. (1997). Life Skills Education for Children and Adolescents in School.Geneva: World Health Organization.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





