การใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิ
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276099คำสำคัญ:
หลักธรรมาภิบาล;, ผู้บริหารสถานศึกษาบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การบริหารจัดการภาครัฐและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ หรือที่เรียกว่า ธรรมา ภิบาล เป็นแนวทางสำคัญในการจัดระเบียบสังคมซึ่งประกอบด้วยภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับประเทศ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาและเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของบุคลากรต่อการประยุกต์ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารที่สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิ โดยจำแนกตามระดับการศึกษา ตำแหน่งหน้าที่ และประสบการณ์ทำงาน และ 2. สำรวจแนวทางการพัฒนาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาที่สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิ
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยประกอบด้วยบุคลากรสถานศึกษาที่สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 229 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามที่มีมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยมีค่า IOC อยู่ในช่วง 0.80 – 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 นอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเพื่อเก็บข้อมูลอีกด้วย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) ค่าเอฟ (F-test) และการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยใช้วิธีของเชฟเฟ่ (Scheffé method)
ผลการศึกษา: ผลการวิจัยได้มีการสรุปดังนี้ (1) การใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิ พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะด้านการบริหารงานเทคโนโลยีสารสนเทศที่อยู่ในระดับสูงเช่นกัน (2) การวิเคราะห์เปรียบเทียบการใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิ จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงาน พบว่าไม่มีความแตกต่างกัน แต่เมื่อจำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ พบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (3) แนวทางการใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิ พบว่าผู้บริหารมีการกำหนดแนวทางบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับจากบุคลากร ยึดมั่นในหลักความถูกต้องและดีงาม บริหารสถานศึกษาตามหลักเกณฑ์ที่สามารถตรวจสอบได้ เปิดโอกาสให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา และมุ่งเน้นประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับ โดยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน
สรุปผล: ผลการศึกษาพบว่าผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดชัยภูมิใช้หลักธรรมาภิบาลในระดับสูง โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อเปรียบเทียบระดับการศึกษาและประสบการณ์การทำงานแล้ว ไม่พบความแตกต่างกัน แต่พบความแตกต่างที่สำคัญในแง่ของตำแหน่งหน้าที่ แนวทางสำคัญในการส่งเสริมธรรมาภิบาล ได้แก่ การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการที่เป็นที่ยอมรับ การรักษาความซื่อสัตย์สุจริตและความโปร่งใส การให้บุคลากรเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผน และการจัดลำดับความสำคัญของการจัดการทรัพยากรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักศึกษา
เอกสารอ้างอิง
กัลยาณี สีลารักษ์. (2563). หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28. วารสาร มจร พุทธปัญญาปริทรรศน์, 5(3), 53-67.
ธวัชชัย โพธิ์ศรี. (2566). การศึกษาสภาพและแนวทางการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานีอำนาจเจริญ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ, 17(1), 118 -131.
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. (2562). การสร้างธรรมาภิบาล (Good Governance) ในสังคมไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์วิญญูชน.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
พงษ์ธร สิงห์พันธ์. (2564). การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ. วารสารบริหารการศึกษาบัวบัณฑิต, 21(2), 12-21.
วรวิทย์ บุญประคม. (2565). การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หนองคาย เขต 1. วารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์, 8(2), 15-28.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2566). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570). กรุงเทพฯ : สำนักนายกรัฐมนตรี.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ. (2559). หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.
สุจินตนา ตรงประสิทธิ์. (2560). การบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดปัตตานี. ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.
Krejcie, Robert V., & Morgan, Daryle W. (1970). Determining sample size for research activities. Education and Psychological Management, 30(3), 607-610.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





