กลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

ผู้แต่ง

  • กานต์มณี ไวยครุฑ งานวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี https://orcid.org/0009-0002-9838-6433

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275815

คำสำคัญ:

กลยุทธ์; , ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์;, ตำบลบ้านงิ้ว

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ชุมชนบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นพื้นที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้วยพื้นที่แห่งนี้มีเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเอง เพียงแต่ขาดการส่งเสริมและพัฒนา ดังนั้นคณะผู้วิจัยและชุมชนจึงทำการศึกษากลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ1) เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 2) เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ของ ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้านจำนวน 1 ท่าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจำนวน 2 ท่าน ตัวแทนคณะกรรมการองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 1ท่าน ประชาชนจำนวน7 ท่าน และผู้ประกอบการจำนวน 4 ท่าน รวม 15 ท่าน โดยกระบวนการการสนทนากลุ่ม และการประชุมเชิงปฏิบัติการ

ผลการวิจัย: จุดแข็งของชุมชนประกอบด้วย 1) ชุมชนมีปราชญ์ชาวบ้านในด้านประวัติศาสตร์ 2) ภูมิปัญญาท้องถิ่นเช่นการทำหมี่กรอบการทำข้าวแช่กระยาสารท สไบมอญ และน้ำยาอเนกประสงค์ 3) ชุมชนมีประเพณีอันดีงาม เช่นสงกรานต์มีแห่หางหงส์ธงตะขาบ เข้าพรรษาสวดมนต์แบบรามัญสวดมนต์กลางบ้าน 4) ชุมชนมีโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวรวมถึง 7 แห่งในตำบลเดียว 5) ชุมชนมีความรักความสามัคคี 6) มีการอนุรักษ์ภูมิปัญญาและบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอน การทำสไบมอญ จุดอ่อนของชุมชนประกอบด้วย 1) ขาดความรู้ความเข้าใจการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน 2) จำนวนนักสื่อความหมายของชุมชนมีน้อย 3)วัฒนธรรมบางอย่างหายไป เช่น การทำหางหงส์ธงตะขาบ การปั้นโอ่งสามโคก 4) ไม่มีการจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ภายในชุมชน 5) ไม่มีการจัดตั้งกลุ่ม ที่ได้รับการรับรองจากทางราชการ 6) แหล่งท่องเที่ยวบางจุดขาดความสะอาด 7) ไม่มีแผนในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว 8) ชุมชนไม่มีงบประมาณจากแหล่งภายนอก 9) แหล่งที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวไม่มี โอกาสประกอบด้วย 1) การคมนาคมทางบกสะดวกสบาย 2) หน่วยงานราชการในท้องถิ่นให้ความสำคัญ 3) สถาบันทางการศึกษาให้ความสำคัญที่จะส่งเสริมและพัฒนา อุปสรรคประกอบด้วย1) ขาดการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ 2) ขาดการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ดีพอจากภาครัฐ 3)ภาครัฐไม่ให้ความสำคัญเชิงอัตลักษณ์แบบต่อเนื่องกับชุมชน 4) มีขยะตามแม่น้ำที่ไม่ได้เกิดจากคนในชุมชน 5) ไม่มีการโปรโมทหรือมีกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว 6) ไม่มีภาคีเครือข่าย โดยจัดทำกลยุทธ์ได้คือ กลยุทธ์เชิงรุก จำนวน 4 กลยุทธ์ กลยุทธ์เชิงแก้ไข จำนวน 8 กลยุทธ์ กลยุทธ์เชิงป้องกัน 1 กลยุทธ์ กลยุทธ์เชิงรับ 1 กลยุทธ์

สรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าเมืองนี้มีมรดกท้องถิ่นอันยาวนาน โดยเห็นได้จากสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ประเพณี และนักวิชาการจากพื้นที่ แต่ยังเผชิญกับความยากลำบาก เช่น ประเพณีทางวัฒนธรรมที่ลดน้อยลง และการขาดความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดการการท่องเที่ยว สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนและการรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่น กลยุทธ์ที่สมบูรณ์ซึ่งผสมผสานกลยุทธ์เชิงป้องกัน เชิงแก้ไข เชิงรุก และเชิงโต้ตอบถือเป็นสิ่งสำคัญ

เอกสารอ้างอิง

กรมการท่องเที่ยว.(2561).แผนยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. 2561 – 2564 ของกรมการท่องเที่ยว. กรุงเทพฯ : วีไอพี ก็อปปี้ปริ้น.

กลุ่มวิชาการและมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว กองพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว .(2560). คู่มือการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ : กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.

เจนจิรา อักษรพิมพ์. (2560). กลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนแบบยั่งยืนในจังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์. 12(3),141 – 154.

นิธิภัทร บาลศิริ. (2559).การจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบมีส่วนร่วมเพื่อการอนุรักษ์และสืบทอดวิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่นและอัตลักษณ์ชุมชนมอญบางกระดี่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ :มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี.

นุชนารถ รัตนสุวงศ์ชัย. (2554). กลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม. วารสารมนุษยศาสตร์. 18 (1), 31 - 50

รัฐนันท์ พงศ์วิริทธิ์ธร และ ภาคภูมิ ภัควิภาส. (2556). แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชนเผ่าเพื่อความยั่งยืน. วารสารการวิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน. 6 (1),42 – 60.

วชิรวิทย์ วิชาสวัสดิ์. (2562). แนวทางการพัฒนาศักยภาพการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนโบราณบ้านเชียงเหียน จังหวัดมหาสารคาม. วารสารวิชาการการท่องเที่ยวไทยนานาชาติ.15(2), 21 – 34.

สมจินต์ ชาญกระบี่ และนรินทร์ สังข์รักษา. (2560). ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ของจังหวัดสุพรรณบุรี. Veridian E-Journal, 10(2),2410-2425.

สุพัฒน์ แก้วจันทร์. (2565). กลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานความยั่งยืน. วารสาร มจร. เลย ปริทัศน์. 3 (1),70 - 77

สุภา สังขวรรณ. (2560). กลยุทธ์การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในจังหวัดสมุทรสงคราม. วารสารวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. 4(1),1-9.

สุภางค์ จันทวาณิช. (2552). การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Ankomah, P., & Larson, T. (2000). Educational Tourism: A Strategy to Sustainable Tourism Development in Sub-Saharan Africa. Retire June 21, 2021, from: https://www.researchgate.net/ publication/242276652.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-05-31

รูปแบบการอ้างอิง

ไวยครุฑ ก. (2024). กลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(3), 419–434. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275815

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ