การประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของนักศึกษา ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง: การวิจัยผสานวิธี
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275448คำสำคัญ:
การประเมินความต้องการจำเป็น; , การจัดการเรียนรู้; , ยุคดิจิทัลบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ควรเพิ่มพูนความรู้พัฒนาทักษะและกระบวนการจัดการเรียน การสอน เพื่อส่งเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียน และเป็นการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาฝึกประสบกรณ์วิชาชีพครูสู่การเป็นครูในยุคดิจิทัลอย่างมีคุณภาพ การวิจัยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสภาพจริงที่เป็นอยู่และสภาพที่ควรจะเป็นในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (2) เพื่อประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (3) เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ซึ่งใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์การประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ด้วยวิธี PNIModified และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย (1) ผลการศึกษาสภาพจริงที่เป็นอยู่ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.99, SD = 0.49) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านสื่อเทคโนโลยีนวัตกรรมและการจัดสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านหลักสูตรและเนื้อหารายวิชาอยู่ในระดับ มาก และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือด้านผู้เรียน อยู่ในระดับมาก สภาพที่ควรจะเป็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.45, SD = 0.48) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านหลักสูตรและเนื้อหารายวิชาอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านสื่อเทคโนโลยีนวัตกรรมและการจัดสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือด้านผู้เรียน อยู่ในระดับมาก (2) ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู พบว่า ด้านผู้เรียน ด้านผู้สอน ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านการออกแบบการจัดการเรียนรู้ด้านหลักสูตรและเนื้อหารายวิชา และด้านสื่อ เทคโนโลยีนวัตกรรมและการจัดสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้มีค่า PNI(Modified) = 0.141 0.121, 0.119, 0.118, 0.113 และ 0.092 ตามลำดับ (3) แนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ประกอบด้วย (3.1) ด้านผู้เรียน มีทักษะ เข้าถึงและใช้สื่อ เทคโนโลยีนวัตกรรม การสื่อสารเหมาะสมได้ปลอดภัย และ รู้เท่าทันสังคมยุคดิจิทัล (3.2) ด้านผู้สอน มีการปรับเปลี่ยนในการนำสื่อเทคโนโลยี นวัตกรรมเข้ามาช่วยในการสอน เพื่อให้การเรียนรู้ของผู้เรียนมีประสิทธิภาพ (3.3) ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีการประเมินตามสภาพจริง โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และ Application ทันสมัยและให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ (3.4) ด้านการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ฝึกกระบวนการคิดวิเคราะห์ ทักษะและประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวัยและความสนใจของผู้เรียนอย่างหลากหลาย (3.5) ด้านหลักสูตรและเนื้อหารายวิชาพัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการณ์ที่ทันสมัย น่าสนใจ ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคม และ (3.6) ด้านสื่อ เทคโนโลยีนวัตกรรมและการจัดสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ ใช้และนำสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่หลากหลายในกระบวนการเรียนรู้และการบูรณาการนำไปสู่ความสำเร็จของผู้เรียน
สรุปผล: ผลการศึกษาเน้นถึงประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ที่สำคัญ เช่น สื่อ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการจัดการห้องเรียน โดยคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้เรียน นอกจากนี้การศึกษาจึงควรได้รับการปรับปรุงพัฒนากระบวนทัศน์การเรียนรู้ในยุคดิจิทัล สนับสนุนแนวทางการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนและผู้สอนให้มีความรู้ มีทักษะด้านดิจิทัลและแนวทางการสอนที่สร้างสรรค์ รวมถึงการออกแบบพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับการปรับตัวในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงและก้าวทันต่อโลกในยุคดิจิทัล
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ2561-2580). Retrieved from: https://onde.go.th/assets/portals/1/files/620425-Government%20Gazette.PDF
กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กีรติ คุวสานนท์ และภาวิณี โสธายะเพ็ชร (2566) การส่งเสริมองค์ประกอบตามแนวคิดผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 21(1), 11-20.
กุลิสรา จิตรชญาวณิช. (2562). การจัดการเรียนรู้. สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
คุรุสภา. (2563). ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู. (2563). ราชกิจจานุเบกษา, 136 ตอนพิเศษ(109ง) , 15-18.
จุฑามาศ แสงงาม และคณะ. (2563). การประเมินความต้องการจำเป็นเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของอาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์์/ครุุศาสตร์์. วารสารครุุศาสตร์์ จุุฬาลงกรณ์์มหาวิิทยาลััย, 48(4), 59-75
บุหลัน กุลวิจิตร. (2565). การรู้ดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์. วารสารห้องสมุด, 66(2), 115-130.
พงษ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ. (2564). การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนในยุคดิจิทัล. วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี, 1(2), 1-11.
พรรณอร อุชุภาพ. (2561). การศึกษาและวิชาชีพครู. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เมษา นวลศรี และคณะ. (2564). การประเมินความต้องการจำเป็นเพื่อพัฒนาด้านการจัดการเรียนการสอนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. Journal of Roi Kaensarn Academi, 6(6), 34-51.
วิภาพรรณ พินลา และวิภาดา พินลา. (2561). การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาในยุคศตวรรษที่ 21. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สิริมงคล สุวรรณผา. (2566). การพัฒนาตัวชี้วัดคุณลักษณะความเป็นครูมืออาชีพของบัณฑิตใหม่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. วารสารสหวิทยาการวิจัยและวิชาการ, 3(5), 1033-1054.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. พิมพ์ครั้งที่ 3. สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
Creswell, J.W. (2013). Research Design: Qualitative, Quantitative, and Mixed Methods Approaches. Sage Publications, Incorporated
Hough, J.B. & Duncan, J.K. (1970). Teaching: description and analysis. Addison-Wesley.
Hsu, J., Wang, Z., & Hamilton, K. (2011). Developing and Managing Digital/Technology Literacy and Effective Learning Skills in Adult Learners. International Journal of Digital Literacy and Digital Competence (IJDLDC), 2(1), 52-70.
Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30, 607-610.
Mager, R.F. (1975). Preparing instructional objectives. 2nd edition. Pitman Learning.
Nugraha, S.T., Suwandi, S., Nurkamto, J., & Saddhono, K. (2018). Evaluation of e-learning in Indonesian as a foreign language. In Proceedings of the Tenth Conference on Applied Linguistics and the Second English Language Teaching and Technology Conference in collaboration with the First International Conference on Language, Literature, Culture, and Education (CONAPLIN and ICOLLITE 2017) - Literacy, Culture, and Technology in Language Pedagogy and Use, 481-486. DOI: 10.5220/0007169604810486
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





