การพัฒนาชุดการสอนรายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครูโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือสำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275238คำสำคัญ:
การพัฒนาชุดการสอน; , คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ; , การเรียนรู้แบบร่วมมือบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ เนื่องจากมีรูปแบบการสอนให้เลือกอย่างหลากหลายตามวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนรู้ ผู้เรียนได้ร่วมมือและช่วยเหลือกันในการเรียนรู้ วิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาชุดการสอนรายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครูโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือให้มีประสิทธิภาพ (2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอนคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครู และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของชุดการสอนรายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครู
ระเบียบวิธีการวิจัย: รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มเป้าหมาย คือ นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต วิชาชีพครู จำนวน 2 ห้องเรียน โดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3 ส่วน ได้แก่ ชุดการสอนรายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครู จำนวน 6 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถาม ความคิดเห็นของนักศึกษาที่เรียนด้วยการสอนโดยใช้ชุดการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยค่าอำนาจจำแนกและค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ .852 สถิติที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และค่าดัชนีประสิทธิผล
ผลการวิจัย: (1) ชุดการสอนรายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครูโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ สำหรับนักศึกษาวิชาชีพครูชั้นปีที่ 2 ทุกชุดมีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.21/84.48 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (2) ดัชนีประสิทธิผลของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา จากการใช้ชุดการสอนรายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครูโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีค่าเท่ากับ 0.7242 แสดงว่านักศึกษามีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 72.42 (3) ชุดการสอนรายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครูโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ทั้งในภาพรวมทุกด้าน ภาพรวมรายด้าน และรายข้อมีความเหมาะสมในระดับมาก
สรุปผล: การเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ ผู้เรียนได้ร่วมมือและช่วยเหลือกันในการเรียนรู้โดยแบ่งกลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถต่างกันออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งเป็นลักษณะการรวมกลุ่มอย่างมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีการทํางานร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความรับผิดชอบร่วมกันทั้งในส่วนตนและส่วนรวม
เอกสารอ้างอิง
กนกลักษณ์ ดวงศรี. (2563). ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD โดยใช้กิจกรรมเกม และแผ่นภาพการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาจีน) เรื่องภาษาจีนขั้นพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารมหาจุฬาตานี ปริทรรศน์, 2(4), 20-27.
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2564). เอกสารชุดเทคนิคการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสําคัญที่สุด การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์การศาสนา กรมศาสนา
เฉลิมพล มีชัย. (2565). การพัฒนาชุดการสอนรายวิชาหัวข้อพิเศษด้านนวัตกรรมการจัดการศึกษาโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบผสมผสาน. วารสารวิชาการ การจัดการภาครัฐและเอกชน, 4(2), 13-26.
ดนุพล สืบสำราญ. (2565). การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเปรียบเทียบทักษะการเรียนรู้และประเมินความพึงพอใจ ของนักเรียนระดับประถมศึกษา ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 12(3), 211-226.
ทอฝัน แววกระโทก. (2565). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD รายวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารนวัตกรรมการจัดการศึกษาและการวิจัย, 4(2), 27-42.
ประกายแก้ว แปรโคกสูง. (2541). ประสิทธิภาพการสอนสุขศึกษาและพลศึกษา. บุรีรัมย์: บุรีรัมย์การพิมพ์.
พระบุญเพ็ง สิทธิวงษา. (2561). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 8(3), 42-53.
เพ็ญยุพา คําแก้ว. (2563). การพัฒนากิจกรรมทางภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวมมือสําหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. สาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. (2566). เอกสารประกอบการสอนวิชารายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณสำหรับครู. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. อุบลราชธานี.
รัชพล ครองยุติ. (2565). การพัฒนารูปแบบการสอนบทเรียนออนไลน์ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ตามทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 8(12), 217-227.
วิจารณ์ พานิช. (2560). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสดศรี -. สฤษดิ์วงศ์.
วิมาน ใจดี. (2564). การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม รายวิชาคณิตศาสตร์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคกลุ่มแข่งขัน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วารสารศึกษาศาสตร์ มมร, 9(2), 355-370.
วีรวิชญ์ เลิศรัตน์ธำรงกุล. (2563). การพัฒนาบทเรียนบนเว็บที่ใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือ วิชากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 10(2), 22-40.
สำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา. (2565). กฎกระทรวงเกี่ยวกับมาตรฐานการอุดมศึกษาและแนวปฏิบัติการเสนอหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษา. อนุสารอุดมศึกษา, 48(527), 18-21.
สุปรียา ไผ่ล้อม. (2563). การศึกษาผลการจัดการเรียนรู้และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง พลเมืองต้นแบบโดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือรูปแบบร่วมเรียนรู้ (Learning Together : LT). วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา, 3(7), 125-137.
อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2550). หลักการสอน ฉบับปรับปรุง. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
Anchunda, H.Y. ., & Kaewurai, W. (2021). Instructional model development based on collaborative and communicative approaches to enhance lower secondary students’ English-speaking skills in Thailand. Kasetsart Journal of Social Sciences, 42(2), 287–292. Retrieved fromhttps://so04.tcithaijo.org/ index.php /kjss/ article/view/250923
Brown, J. W. (1973). Instruction Technology, Media, and Method. New York: McGraw-Hill.
Good, G.J., (1973). How important is a specialist classroom environment for language? Christchurch College of Education.The New Zealand Language Teacher, 106
Houston, R.W., & et al. (1972). Developing Instruction Modules. College of. Education. Texas: University of Houston. Page 96. 86.
Kapfer, P.G., & Kapter, M.B. (1972). Learning Pagage in American Education. Englewood cliffs. N.T.; Education Technology Publication.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





