แนวทางการพัฒนาประสิทธิผลของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.274792คำสำคัญ:
ประสิทธิผล; , แนวทางการพัฒนา; , สถานศึกษาบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ประสิทธิผล เป็นตัวชี้วัด หรือเครื่องมือที่ใช้ในการบ่งบอกถึงความสำเร็จของขององค์กรในการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกัน ในการทำงานภายใต้การบริหารงานของผู้นำที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเต็มความสามารถ การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 3 และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 3
ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ประสิทธิผลของสถานศึกษาฯ จากกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน รวมทั้งสิ้น 302 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระยะที่ 2 ศึกษาแนวทางการพัฒนาประสิทธิผลของสถานศึกษา ฯ จาก ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ประกอบด้วย อาจารย์มหาวิทยาลัย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ ศึกษานิเทศก์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาและครู เครื่องมือคือ แบบสัมภาษณ์ และวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์โดยวิธีการตีความแล้วนำเสนอแบบพรรณนา
ผลการวิจัย: (1) สภาพปัจจุบันประสิทธิผลของสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึงประสงค์ประสิทธิผลของสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (2) แนวทางการพัฒนาประสิทธิผลของสถานศึกษา พบว่า ด้านความสามารถในการผลิตนักเรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง พบแนวทางการพัฒนา 8 แนวทาง ด้านความสามารถในการพัฒนานักเรียนให้มีทัศนคติทางบวก พบแนวทางการพัฒนา 8 แนวทาง ด้านความสามารถในการปรับเปลี่ยนสถานศึกษา พบแนวทางการพัฒนา 9 แนวทาง ให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และ ด้านความสามารถในการแก้ปัญหาของสถานศึกษา พบแนวทางการพัฒนา 10 แนวทาง รวมแนวทางการการพัฒนาประสิทธิผลของสถานศึกษา ทั้งสิ้น 35 แนวทาง
สรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าสถานศึกษาในปัจจุบันและประสิทธิผลของสถานศึกษาอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว และสภาวะที่ต้องการก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น จึงได้มีการพัฒนาแนวปฏิบัติเฉพาะในสี่ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การพัฒนาทัศนคติเชิงบวก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม และความสามารถในการแก้ไขปัญหา แนวทางทั้ง 35 ประการนี้นำเสนอแนวทางที่มีโครงสร้างเพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของสถาบันการศึกษาในด้านที่สำคัญเหล่านี้
เอกสารอ้างอิง
กรนันท์ เอี่ยมภูเขียว. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 38 ในจังหวัดสุโขทัย. หลักสูตรปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร.
ขวัญพิชชา มีแก้ว. (2562). การบริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
ณัชชรีย์ คำไพ. (2564). การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดระยอง. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์.
ณัฐกานต์ คงกระพันธ์. (2565). บรรยากาศองค์กรที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2. หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.
ปวีณา รอดเจริญ (2566). สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมเขต 9 จังหวัดนครปฐม. หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง.
พณพร รัตนประสบ. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาจังหวัดปราจีนบุรีสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7. หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ไพศาล วรคํา. (2559). การวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 8 . มหาสารคาม : ตักสิลาการพิมพ์.
ไพศาล วรคำ. (2561). การวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 9. มหาสารคาม : ตักสิลาการพิมพ์.
วนิดา คงมั่น ระพี ชูชื่น และชัยพจน์ รักงาม. (2563). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนกังานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2. พัฒนาเทคนิคการศึกษา, 32 (133),30-38.
วนิดา คงมั่น. (2561). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนกังานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2. หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยบูรพา.
สาวิตรี บุญนุกูล. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 6. วิทยานิพนธ์หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 กลุ่มนโยบายและแผน. (2566). แผนปฏิบัติการประจำปงบประมาณ 2566. ขอนแก่น : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 กลุ่มแผนและนโยบาย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 กลุ่มนโยบายและแผน. (2566).แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานระยะ 5 ปี พ.ศ. 2566-2570. ขอนแก่น : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 กลุ่มนโยบายและแผน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. (2565). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่สิบสาม พ.ศ. 2566-2570. Retrieved from: https://www.nesdc.go.th/ewt_news.php?nid=13651&filename=develop_issue.
สุทิน สุขกาย (2562). การศึกษาประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1. หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
สุพัตรา ขันทอง. (2562). แนวทางการพัฒนาประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 2. หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาพัฒนศึกษา ภาควิชาพื้นฐานทางการศึกษา: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
เสรี ภักดี. (2564). กระบวนการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดยะลา. วิทยานิพนธ์หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.
Hoy, W.K., & Miskel, C.G. (2013). Educational Administration: Theory, Research, and Practice. 9th edition. New York: McGraw-Hill.
Mott, P.E. (1972). The Characteristics of Efficient Organizations. New York: Harper and Row Publishers.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





