รูปแบบการปรับตัวการจัดบริการสำหรับป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อในสถานการณ์โควิด เขตพื้นที่สุขภาพที่ 9

ผู้แต่ง

  • เปรมปรีดิ์ ชวนะนรเศรษฐ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา https://orcid.org/0009-0004-7454-6994
  • ปาริชาติ จิตกลาง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา https://orcid.org/0009-0009-7822-0808

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.274787

คำสำคัญ:

รูปแบบการปรับตัว, , โรคไม่ติดต่อ, , สถานการณ์ของโรคโควิด19

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ในปี พ.ศ. 2563 ได้มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ไปทั่วโลก แพร่กระจายเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งประเทศไทยทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงและเสียชีวิตได้โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วน โรคไตวายเรื้อรัง และคนที่ได้รับยารักษากดภูมิคุ้มกัน โดยต้องปรับรูปแบบระบบบริการสาธารณสุข ให้เกิดผลกระทบต่อการเข้าถึงการรักษาน้อยที่สุด  ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศึกษารูปแบบการปรับตัวจัดบริการสำหรับป้องกัน และควบคุมโรคไม่ติดต่อ รวมถึงศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดนวัตกรรมดำเนินการจัดบริการป้องกันและรักษาโรคไม่ติดต่อ ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 และประเมินความยั่งยืนของนวัตกรรมการจัดบริการป้องกันและรักษาโรคไม่ติดต่อ จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด19

ระเบียบวิธีการวิจัย: เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน ถึง วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ผู้บริหาร ผู้รับผิดชอบงานโรคไม่ติดต่อ ระดับจังหวัดและอำเภอ จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และอำเภอพิมาย  จำนวน 8 คน  และจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ โรงพยาบาลคูเมือง  โรงพยาบาลประโคนชัย โรงพยาบาลหนองหงส์ และโรงพยาบาลละหานทราย จำนวน 11  คน รวมทั้งสิ้น 19 คน  เครื่องมือที่ใช้เป็นคำถามกึ่งโครงสร้าง รวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ และสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา

ผลการวิจัย: รูปแบบการจัดบริการมีนวัตกรรมพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อ ปัจจัยที่มีผลต่อนวัตกรรม คือ ผู้นำบูรณาการเชื่อมผสานระบบสุขภาพ การสนับสนุนงบประมาณ บุคลากร และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ควรขยายผลนวัตกรรมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้บริการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคได้ รวมถึงนำนโยบายการพัฒนาระบบบริการผ่านแผนการปฏิรูปเขตสุขภาพ ดำเนินงานภายใต้กรอบการบริหารระดับเขตสุขภาพ Smart NCDs R9 Plus: Digital Health station ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ระดับจังหวัด อำเภอและตำบล โดยเขตสุขภาพควรเป็นแกนหลักในการผลักดันเชิงนโยบายเพื่อให้เกิดการนำนวัตกรรมไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ในเขตสุขภาพให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป

สรุปผล: ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนานวัตกรรมของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการให้บริการด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นไปที่โรคไม่ติดต่อและประชากรที่มีความเสี่ยง การบูรณาการความเป็นผู้นำ การสนับสนุนด้านงบประมาณ และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี ได้รับการระบุว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความก้าวหน้าเหล่านี้ ผลการวิจัยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายและรักษานวัตกรรมเหล่านี้ การสนับสนุนความเป็นผู้นำด้านนโยบายผ่านการปฏิรูปภูมิภาคด้านสุขภาพแบบมีส่วนร่วม และสนับสนุนให้มีการดำเนินการอย่างกว้างขวางในจังหวัดต่างๆ ในภาคการดูแลสุขภาพ

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุขเพื่อการจัดการภาวะการระบาดของโรคโควิด19 ในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) 3 เมษายน 2563. Retrieved on 6 January 2021 from : www.covid-19.moph.go.th

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2562). รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ : กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.

ชนินทร์ภร เต็มรัตน์ และ พินทุ สุวรรณมณี. (2559). การรับรู้ภาวะสุขภาพและคุณภาพการบริการตามการรับรู้ของผู้รับบริการการตรวจสุขภาพประจำปี โรงพยาบาลสงขลานครินทร์. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 36(2), 148-158.

รัตนา เสนาหนอก. (2566). การศึกษาผลของโรงเรียนเบาหวานสามัคคีต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองความพึงพอใจในการรับบริการและระดับน้ำตาลสะสมในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 ที่ควบคุมระดับ- น้ำตาลไม่ได้. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์. 38 (2), 533-544.

ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค. (2563). รายงานสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ฉบับที่ 7 วันที่ 10 มกราคม 2563. Retrieved on December 25, 2020 from: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/situation/situation-no49-100163.pdf

ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค.(2563). รายงานสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ฉบับที่ 25 วันที่ 28 มกราคม 2563. Retrieved on December 25, 2020 from: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/situation/situation-no49-280163.pdf

อัจฉรา ว่องไวโรจน์. (2548). การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการตรวจสุขภาพประจำปีของพนักงานบริษัทประกันชีวิต. ปริญญานิพนธ์ วท.ม.(สุขศึกษา): บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

Centers for Disease Control and Prevention. (2021). COVID-19 and Your Health. Retrieved from https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/daily-life-coping/managing-stress-anxiety.html

World Health Organization. (2020). COVID-19: Operational guidance for maintaining essential health services during an outbreak. Retrieved from https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/technical-guidance/maintaining-essential-health-services

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-02-04

รูปแบบการอ้างอิง

ชวนะนรเศรษฐ์ เ. . ., & จิตกลาง ป. . (2024). รูปแบบการปรับตัวการจัดบริการสำหรับป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อในสถานการณ์โควิด เขตพื้นที่สุขภาพที่ 9. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(1), 851–872. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.274787

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ