การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล ในการป้องกันและควบคุม โรค COVID-19 ตำบลผาสุก อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.273888คำสำคัญ:
การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย; , คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล; , การป้องกันและควบคุมโรค COVID-19; , ตำบลผาสุก อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานีบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและระบบเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นกลไกในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยกระบวนการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วม พัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมและประเมินผลการใช้รูปแบบการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลในการป้องกันและควบคุมโรค COVID-19
ระเบียบวิธีการวิจัย: เก็บข้อมูลเชิงปริมาณในกลุ่มประชากรทั้งหมดของภาคีเครือข่ายคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลผาสุก โดยเลือกแบบเฉพาะเจาะจง(Purposive selection) จำนวน 45 คน และเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้าร่วม คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลผาสุก ได้แก่ นายกเทศมนตรีตำบลผาสุก, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล, กำนัน ซึ่งถูกคัดเลือกมาแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive selection) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นเอง และได้ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (content validity) ได้ค่า IOC เท่ากับ 1 วิเคราะห์ความเชื่อมั่น (reliability) ด้วยวิธีการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (cronbach alpha coefficient) ผลการทดสอบของแบบสอบถาม ได้ค่าความเชื่อมั่น (reliability) เท่ากับ 0.84 ส่วนในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด และการวิเคราะห์การใช้รูปแบบการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลในการป้องกันและควบคุมโรค COVID-19 ก่อนและหลัง โดยใช้สถิติ Paired t-test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 และทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหาของข้อมูล (Content analysis) การจัดหมวดหมู่ตามประเด็นและปัญหา
ผลการวิจัย: (1) ภาคีเครือข่าย คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลผาสุกได้มีส่วนร่วมในการสำรวจชุมชนเพื่อการค้นหาปัญหาและสาเหตุของโรค เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาโรคCOVID 19 ในชุมชนและเพื่อการวางแผนการป้องกันและควบคุมโรค COVID 19 ซึ่งหากเมื่อภาคีเครือข่าย คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลผาสุก ได้ดำเนินกิจกรรมตามขั้นตอนนี้แล้วจะทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาของชุมชนได้อย่างถูกต้อง แล้วนำไปวางแผนการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรค COVID 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (2) รูปแบบการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบลผาสุกในการป้องกันและควบคุมโรคโรค COVID 19 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างความตระหนักถึงปัญหาและสาเหตุโรค COVID 19 ขั้นตอนที่ 2 การจัดทำแผนการป้องกันและควบคุมโรค COVID 19 ขั้นตอนที่ 3 การดำเนินงานป้องกันและควบคุม COVID 19 และขั้นตอนที่ 4 การติดตามและประเมินผลป้องกันและควบคุม COVID 19 (3) ผลการประเมินรูปแบบการมีส่วนร่วนของชุมชนในการป้องกันและควบคุมโรค COVID 19 ทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับมาก ซึ่งเมื่อนำไปใช้ในการดำเนินการแล้วมีผลทำให้งานป้องกันและควบคุมโรคมีความชัดเจนและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังส่งผลต่อการกำหนดกิจกรรมและติดตามประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรและการกระตุ้นให้เครือข่ายมีความกระตือรือร้นปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี
สรุปผล: วิจัยนี้สามารถประเมินผลของภาคีเครือข่าย คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล (พชต.) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาอุปสรรคของการมีส่วนร่วมในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากร และการกระตุ้นให้เครือข่ายมีความกระตือรือร้นในการดำเนินงานรวมไปถึงการสนับสนุนเรื่ององค์ความรู้ให้กับภาคีเครือข่าย และสนับสนุนปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2565ก). สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 อัพเดทรายวัน. Retrieved on February 17, 2022, from: https://ddc.moph.go.th/covid19-dashboard/
กรมควบคุมโรค. (2565ข). โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). Retrieved on 11 January 2022, from: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/g_km.php
กลุ่มงานควบคุมโรค โรงพยาบาลวังสามหมอ. (2565). ข้อมูลสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. อุดรธานี:โรงพยาบาลฯ.
จํารัส นวลนิ่ม . (2540). การพัฒนาชุมชน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
จิรยุทธ์ คงนุ่น. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของจังหวัดพิจิตร. วารสารสาธารณสุขศาสตรมหาวิทยาลัยนเรศวร, 3(3), 40-41
จิราพร บาริศรี, กฤติญา สุขเพิ่ม, นภัสภรณ์ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม, พิมลศักดิ์ นิลผาย, ปิ่นนบุญญา ลำมะนา, พฤติกรรมการปองกันโรคโควิด-2019 (COVID -2019) ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 6(6), 37–45.
จิราภรณ์ ศรีคำ. (2547). การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการพัฒนาการจัดการศึกษาของโรงเรียนวชิรวิทย์ ระดับประถมศึกษา จังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ถวิลวดี บุรีกุล. (2543). แนวคิดของการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย. จดหมายข่าวสถาบันพระปกเกล้า. 2(8), 4-6.
ทรงวุฒิ เรืองวาทศิลป์. (2550). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษาในพื้นที่บริการของโรงเรียนล้อมแรดวิทยา อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง. วิทยานิพนธ์การบริหารการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
นรินทร์ชัย พัฒนพงศา. (2546). การมีส่วนร่วม: หลักการพื้นฐาน เทคนิคและกรณีตัวอย่าง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สิริลักษณ์การพิมพ์.
บัณฑร อ่อนคำ. (2539). รูปแบบการมีส่วนร่วม. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการป้องกันยาเสพติดให้โทษ.
บัณฑิต เกียรติจตุรงค์. (2564). การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID -19) อ าเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา. วารสารสานักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น, 3 (2), 193-206.
ประพันธ์ สร้อยเพ็ชร. (2547). การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ศูนย์โรงเรียนตำบลแช่ช้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและสถิติทางการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
เมตต์ เมตต์การุณ์จิต. (2553). การบริหารจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม: ประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและราชการ. กรุงเทพมหานคร: บุ๊ค พอยท์.
ระนอง เกตุดาว, อัมพร เที่ยงตรงดี, ภาสินี โทอินทร์. (2564). การพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจังหวัดอุดรธานี -UdonModel COVID-19.วารสารวิชาการสาธารณสุข. 30(1), 53-61.
รัชนี เต็มอุดม, ศิริลักษณ์ ใจช่วง, กนกพร ไทรสุวรรณ์, พเยาวดี แอบไธสง, บารเมษฐ์ ภิราล้ำ. (2564). การพัฒนารูปแบบการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในจังหวัดนครพนม. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น. 28(1),1-13.
ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย. (2565). การจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระดับจังหวัด. Retreived from: https://www.chiangmai.go.th/managing/public/D21/21D02May2022101101.pdf
สมยศ นาวีการ. (2545). การบริหารแบบมีส่วนร่วม. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ.
สัญญา เคณาภูมิ. (2551). ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนใน 4 จังหวัดชายแดนลุ่มน้ำโขง. วิทยานิพนธ์ รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์.
สานิตย์ บุญชู. (2536). การพัฒนาชุมชนโดยวิธีการศึกษาอบรมการศึกษานอกระบบ. กรุงเทพมหานคร: คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี. (2565). ข้อมูลผู้ติดเชื้อ COVID-19 อัพเดทรายวัน. Retrieved on February 17, 2022, from: https://covid.udpho.org/
Arnstein, S. (1969). A Ladder of Community Participation. Journal of the American Institute of Planners, 35, 216-224. DOI: https://doi.org/10.1080/01944366908977225
Berkley, G.E. (1975). The Craft of Public Administration. Boston: Allyn and Bacon
Cohen, J.M., & Uphoff, N.T. (1981). Rural Development Participation: Concept and Measure for Project Design Implementation and Evaluation: Rural Development Committee Center for International Studies. New York: Cornell University Press.
Erwin, W. (1976). Participation Management: Concept, Theory and Implementation. Atlanta Ga: Georgia State University.
Putti, J.M. (1987). Management: a Function Approach. Singapore: McGraw-Hill
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





