ผลการฝึกแบบผสมผสานร่วมกับการจินตภาพที่มีต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อความอ่อนตัวและความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อประเภทคู่ของนักกีฬาเซปักตะกร้อมหาวิทยาลัยการกีฬา

ผู้แต่ง

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.272701

คำสำคัญ:

การฝึกแบบผสมผสาน; , การจินตภาพ; , ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ; , ความอ่อนตัว;, ความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อ

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาเซปักตะกร้อในตำแหน่งตัวเสิร์ฟเพื่อให้บรรลุถึงขีดความสามารถสูงสุดจะต้องพัฒนารูปแบบของวงสวิงขาและการเคลื่อนที่ของร่างกายอย่างถูกต้อง สมรรถภาพที่ส่งเสริมการเพิ่มวงสวิงของขาในการเสิร์ฟตะกร้อคือความอ่อนตัว ซึ่งเป็นส่วนหลักในการยกเท้าให้ได้ระดับที่สูงที่สุดและช่วยสนับสนุนการเคลื่อนที่ของร่างกายเพิ่มองศาของการเคลื่อนไหวและเพิ่มความสมบูรณ์ทางทักษะการเคลื่อนไหว ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลของการฝึกแบบผสมผสานร่วมกับการ จินตภาพที่มีต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัว และความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อประเภทคู่ของนักกีฬาเซปักตะกร้อ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ

ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นนักกีฬาเซปักตะกร้อมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ จำนวน 40 คน อายุระหว่าง 19-25 ปี แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง จำนวน 20 คน ฝึกแบบผสมผสานร่วมกับการฝึกจินตภาพ และกลุ่มควบคุม จำนวน 20 คน ฝึกแบบผสมผสาน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ โปรแกรมการฝึกแบบผสมผสาน โปรแกรมการฝึกจินตภาพควบคู่กับการเสิร์ฟ แบบสอบถามการฝึกจินตภาพ แบบทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ใช้เครื่องวัดความแข็งแรงขา (Leg Dynamometer) แบบทดสอบความอ่อนตัว ใช้การทดสอบแบบนั่งงอตัวไปข้างหน้า (Sit and Reach) และแบบทดสอบความแม่นยำในการเสิร์ฟตะกร้อประเภทคู่ ฝึกเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ๆ ละ 3 วัน คือ จันทร์ พุธ และศุกร์ กลุ่มทดลองฝึกโปรแกรมแบบผสมผสานเวลา 06.00-07.30 น. และฝึกจินตภาพควบคู่กับการเสิร์ฟเวลา 17.00-17.30 น. กลุ่มควบคุมจะฝึกโปรแกรมแบบผสมผสานในเวลา 06.00-07.30 น. หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างภายในกลุ่มโดยการทดสอบค่าที (Dependent t-test) ก่อนและหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่มโดยการทดสอบค่าที (Independent t-test) ก่อนและหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8

ผลการวิจัย: หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีความแข็งแรงกล้ามเนื้อขา ความอ่อนตัว และความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อสูงขึ้นกว่าก่อนการฝึก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการเปรียบเทียบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา ความอ่อนตัว และความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อ ระหว่างกลุ่ม พบว่า หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 กลุ่มทดลองมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัว และความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

สรุปผล: ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 กลุ่มทดลองแสดงให้เห็นว่ามีการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา ความอ่อนตัว และความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม โดยมีค่าทางสถิติที่มีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ในทุกรายการการวัดที่ทำขึ้น

เอกสารอ้างอิง

จตุรงค์ เหมรา. (2561). หลักการและการปฏิบัติ: การทดสอบสมรรถภาพทางกาย. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

เจริญ กระบวนรัตน์. (2552). การยืดเหยียดกล้ามเนื้อStretching Exercise. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

โชติกา บุญทอง. (2557). ผลการฝึกพลัยโอเมตริกและการฝึกด้วยน้ำหนักที่มีต่อพลังกล้ามเนื้อขาและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาในการกระโดดสกัดกั้นของนักกีฬาเซปักตะกร้อหญิง. ปริญญานิพนธ์วิทยาศาตรมหาบัณฑิ: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ธีระศักดิ์ อาภาวัฒนาสกุล. (2552). หลักวิทยาศาสตรในการฝึกกีฬา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ภัสสร ธูปบุตร. (2562). ผลการฝึกแบบผสมผสานและการฝึกแบบควบคู่ที่มีต่อพลังกล้ามเนื้อขาและ ความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

รณภพ ชาวปลายนา. (2561). ผลของการฝึกเชิงซ้อนแบบเอกเซนตริกที่มีต่อสมรรถภาพของกล้ามเนื้อขาในนักกีฬาฟุตบอล. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วีระพงษ์ แดนดี. (2564). ผลการฝึกการรับรู้ของประสาทกล้ามเนื้อกับความเร็ว พลัง และความคล่องแคล่วว่องไวที่มีต่อความสามารถในการรับเสิร์ฟในนักกีฬาเซปักตะกร้อ. (รายงานการวิจัย). มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ.

ศราวุฒิ โภคา และสุธนะ ติงศภัทิย์. (2557). ผลของโปรแกรมการฝึกทักษะการเสิร์ฟเซปักตะกร้อร่วมกับการฝึกการทรงตัว ความอ่อนตัว และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่มีต่อทักษะการเสิร์ฟเซปักตะกร้อของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. An Online Journal of Education, 9(2), 117–131. Retrieved from https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/20316

ศศิมา พกุลานนท์ และนิภาวรรณ กันทา. (2558). ผลการฝึกทักษะการเสิร์ฟควบคู่กับการฝึกจินตภาพ พร้อมการฟังเพลง ต่อความแม่นยำของการเสิร์ฟในนักกีฬาเซปักตะกร้อ มหาวิทยาลัย แม่ฟ้าหลวง. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา. 15(1), 223-230

เศกสิทธิ์ ถาวรศิริ. (2563). ผลของการฝึกเสิร์ฟควบคู่กับการฝึกจินตภาพที่มีผลต่อความแม่นยำในการเสิร์ฟของนักกีฬาเซปักตะกร้อชาย. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยนเรศวร

สมบัติ กาญจนกิจ และสมหญิง จันทรุไทย. (2542).จิตวิทยาการกีฬา : แนวคิด ทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สลักจิตร คณะฤทธิ์ และคณะ. (2564). ผลการฝึกเสริมความอ่อนตัวควบคู่กับการจินตภาพที่มีต่อความแม่นยำในการเสิร์ฟของนักกีฬาเซปักตะกร้อชาย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์. วารสารราชภัฏเพชรบูรณ์, 23(1), 69-75.

สันติ วัฒน์พันทา. (2548). เซปักตะกร้อ. สกลนคร : ภาควิชาพลศึกษา คณะครุศาสตร์สถาบันราชภัฏสกลนคร.

สุพจน์ปราณี. (2551). เซปักตะกร้อคู่มือกลยุทธ์การฝึกทักษะกีฬา. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์,.

สุพิตร สมาหิโต. (2546).จิตวิทยาการกีฬาสำหรับผู้ฝึกสอนและนักกีฬา. สารวิทยาศาสตร์การกีฬา. 4(35),14-17.

เสาวลักษณ์ ศิริปัญญา. (2550). ผลของการฝึกเชิงซ้อนแบบผสมผสานการฝึกด้วยน้ำหนักกับการเคลื่อนที่ในลักษณะแรงระเบิดที่มีต่อสมรรถภาพของกล้ามเนื้อในนักกีฬาเซปักตะกร้อหญิงทีมชาติไทย. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Bompa, T., & Buzzichelli, C. (2015). Periodization Training for Sports. Washington, United States.

Cumming, J., & Ste-Marie, D.M. (2001). The Cognitive and Motivational Effects of Imagery Training: A Matter of Perspective. The Sport Psychologist, 15(3), 276–288. https://doi.org/10.1123/tsp.15.3.276

Feltz, D.L., & Landers, D.M. (1983). The Effects of Mental Practice on Motor Skill Learning and Performance: A Meta-Analysis. Journal of Sport Psychology, 5(1), 25–57. https://doi.org/10.1123/jsp.5.1.25

Kraemer, W.J., & Ratamess, N.A. (2004). Fundamentals of resistance training: Progression and exercise prescription. Medicine and Science in Sports and Exercise, 36(4), 674–688.

O’Shea, J.P. (1976). Scientific Principles and Methods of Strength Fitness. 2nd edition. Reading: Addison. Wesley.

Schempp, P.G., & McCullick, B.A. (2003). Importance of Perceptual-Motor Skills in Sport and Physical Education. Perceptual and Motor Skills, 96(1), 3–4. https://doi.org/10.2466/pms.2003.96.1.3

Weinberg, R., & Gould, D. (2015). Foundations of sport and exercise psychology. Human Kinetics.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-02-04

รูปแบบการอ้างอิง

ศรีชาลี ส. . (2024). ผลการฝึกแบบผสมผสานร่วมกับการจินตภาพที่มีต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อความอ่อนตัวและความแม่นยำในการเสิร์ฟลูกตะกร้อประเภทคู่ของนักกีฬาเซปักตะกร้อมหาวิทยาลัยการกีฬา. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(1), ุุ655–670. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.272701

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ