การพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ สำหรับบุคลากรและผู้ปกครอง ศูนย์การศึกษาพิเศษ

ผู้แต่ง

  • เจษฎา เวียงพล นักศึกษาสาขาหลักสูตรและการเรียนการสอนคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, https://orcid.org/0009-0006-0256-5541
  • ณัฏฐชัย จันทชุม อาจารย์คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://orcid.org/0000-0003-4413-1806
  • ทิพาพร สุจารี อาจารย์คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://orcid.org/0000-0003-0411-5174

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.272468

คำสำคัญ:

หลักสูตรฝึกอบรม; , บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ; , ศูนย์การศึกษาพิเศษ

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษาเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาสการเสริมสร้างประสิทธิภาพใน การให้บริการทางการศึกษา และการฝึกอบรมเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาสสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและความต้องการในการฝึกอบรมฯ 2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมฯ 3) ทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรมฯ และ 4) ประเมินหลักสูตรฝึกอบรมฯ

ระเบียบวิธีวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรและผู้ปกครองศูนย์การศึกษาพิเศษ จำนวน 222 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองใช้หลักสูตร คือ บุคลากรและผู้ปกครอง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความสอดคล้อง ความเหมาะสม แบบทดสอบ แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (One-Samples t-test)

ผลการศึกษา: (1) สภาพปัจจุบันการเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการการเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (2) ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ พบว่า หลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบทั้งหมด 6 องค์ประกอบดังนี้ 1) หลักการของหลักสูตร 2) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 3) เนื้อหาสาระ 4) กิจกรรมการฝึกอบรม 5) สื่อและแหล่งเรียนรู้ 6) การวัดและประเมินผล และหลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น โดยรวมมีความสอดคล้องอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีความสอดคล้องอยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ และมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน (3) ผลการทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม ที่พัฒนาขึ้น พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความสามารถในการช่วยเหลือบุคคลที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายหรือการเคลื่อนไหว หรือสุขภาพ หลังการฝึกอบรมมีคะแนนเฉลี่ย 55.10 จากคะแนนเต็ม 60 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 91.83 และเมื่อเปรียบเทียบมีคะแนนทดสอบหลังการฝึกอบรมกับเกณฑ์ร้อยละ 80 พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยหลังการฝึกอบรมสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และผู้เข้ารับการฝึกอบรมฯ มีความคิดเห็นโดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความคิดเห็นต่อการฝึกอบรมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน เช่นกัน (4) ผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น พบว่า ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านบริบท ด้านปัจจัยเบื้องต้น ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต โดยรวมทุกด้าน

สรุปผล: ผลวิจัยระบุว่าหลักสูตรเพิ่มความสามารถในการช่วยเหลือบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพอยู่ในระดับมากที่สุด และมีความสอดคล้องและเหมาะสมในทุกด้านของหลักสูตร ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีคะแนนสูงและอยู่ในระดับมากทั้งด้านหลังการประเมินหลักสูตรฝึกอบรม

เอกสารอ้างอิง

ทิศนา แขมมณี, (2545). รูปแบบการเรียนการสอน: ทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธำรง บัวศรี. (2552). ทฤษฎีหลักสูตร: การออกแบบหลักสูตรและการพัฒนา. กรุงเทพฯ: ธนรัช.

นิรมล ศตวุฒิ. (2543). การพัฒนาหลักสูตร. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: สุวิริยาสาส์น.

พัฒนา สุขประเสริฐ. (2543). กลยุทธในการฝึกอบรม. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

สงัด อุทรานันท์. (2532). พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ: วงเดือนการพิมพ์.

สงัด อุทรานันท์. (2545). การนิเทศการสอน : หลักการ ทฤษฎีและปฏิบัติ.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มิตรสยาม.

สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (2553). สารสนเทศสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. Retrieved on November 15, 2022, from: http://special.obec.go.th

สิทธิพล อาจอินทร์. (2563). การพัฒนาหลักสูตร. พิมพ์ครั้งที่ 5. ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

สุมิตร คุณากร, (2550). หลักสูตรและการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชวนพิมพ์.

สุวิมล ว่องวานิช, (2548). กลยุทธ์ทางเลือกเพื่อพัฒนาวัฒนธรรมและสมรรถภาพการวิจัย และประเมินของครูมืออาชีพในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ในการขับเคลื่อนสู่โรงเรียนฐานความรู้ : การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็นแบบสมบูรณ์. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Oliva, P.F. (1992). Developing the Curriculum. 3rd edition. New York: Harper Collins.

Saylor, J.G., & Alexander, W.M. (1974). Planning Curriculum for School. New York: Holt, Rinehart, and Winston.

Saylor, J.G., Alexander, W.M., & Lewis, A.J. (1981). Curriculum planning for better teaching and learning. New York: Holt, Rinehart and Winston

Taba, H. (1962). Curriculum development: Theory and practice. New York: Harcourt, Brace & World.

Tyler, R. W. (1949). Basic principles of curriculum and instruction. Chicago: University of Chicago Press.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-01-28

รูปแบบการอ้างอิง

เวียงพล เ., จันทชุม ณ. ., & สุจารี ท. . (2024). การพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ สำหรับบุคลากรและผู้ปกครอง ศูนย์การศึกษาพิเศษ. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(1), 393–416. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.272468

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ