เจตนารมณ์แห่งการเกณฑ์แรงงานทหารของรัฐ
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.272416คำสำคัญ:
แรงงานพลเมือง;, การเกณฑ์ทหาร; , พระราชบัญญัติรับราชการทหาร;, ละเมิดสิทธิบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ปัจจุบันในการบังคับเกณฑ์แรงงานพลเมืองเพื่อเป็นทหารของนานาอารยประเทศจะเป็นการเกณฑ์ภายใต้อนุสัญญาฉบับที่ 29 ว่าด้วยการเกณฑ์แรงงานหรือแรงงานบังคับ ประเทศไทยนับตั้งแต่ในอดีตมีระบบการเกณฑ์แรงงานที่ใช้ควบคุมกำลังไพร่พล ซึ่งถือว่าเป็นกำลังสำคัญเพื่อใช้ในการปกป้องรักษาอธิปไตยของประเทศ ดังนั้นการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำกรอบเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการเกณฑ์แรงงานพลเมืองไปเป็นแรงงานทหาร
ระเบียบวิธีการศึกษา: วิธีวิทยาการวิจัยที่ใช้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการวิจัยเอกสาร และการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาแล้วนำเสนอเชิงพรรณนาความ
ผลการศึกษา: ผลการการศึกษาพบว่า (1) ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะกฎหมายของประเทศไทยไม่ได้มีการกำหนดกรอบวัตถุประสงค์อันเป็นเป้าหมายในการเกณฑ์แรงงานพลเมืองไปเป็นแรงงานทหาร จึงทำให้มีการนำแรงงานทหารไปใช้อย่างผิดเป้าหมายวัตถุประสงค์สากลของการเกณฑ์แรงงานจนเกิดการละเมิดสิทธิของแรงงานทหารเกณฑ์ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ (2) นอกจากนั้นยังพบแนวทางในการพัฒนากฎหมายทั้งหมด 4 ข้อคือ การเกณฑ์แรงงานพลเมืองจะต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงของประเทศ ต้องมีการกำหนดกรอบการฝึกเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในทางทหาร ต้องมีการกำหนดสิทธิพิเศษและสวัสดิการของทหารเกณฑ์ และสุดท้ายต้องมีการกำหนดภาระหน้าที่อย่างชัดเจน (3) ข้อเสนอแนะการวิจัยคือให้เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับเป้าหมายวัตถุประสงค์ของการเกณฑ์แรงงานพลเมืองไปเป็นแรงงานทหารเข้าไปในกฎหมายรัฐธรรมนูญ และปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติรับราชการทหารให้มีความสอดรับกับกฎหมายรัฐธรรมนูญภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้กฎหมายทั้งในระดับรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติมีกรอบวัตถุประสงค์ที่ชัดแจ้ง เพื่อไม่ให้เกิดการนำแรงงานจากการเกณฑ์ไปใช้ตามดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาและเป็นการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของแรงงานพลเมืองที่ถูกเกณฑ์
สรุปผล: จากที่ผ่านมาพระราชบัญญัติรับราชการทหารของไทยที่เคยให้ความสำคัญเพียงแค่รูปแบบ กระบวนวิธีการเกณฑ์และการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับและการเยียวยาผู้ถูกเกณฑ์เท่านั้น ในการพัฒนากฎหมายแห่งการเกณฑ์แรงงานทหารของรัฐ ต่อไปควรกำหนดกรอบวัตถุประสงค์และขั้นตอนวิธีการฝึกเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะในการปกป้องประเทศชาติ และการเกณฑ์แรงงานพลเมืองจะต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงของประเทศ มีการกำหนดกรอบการฝึกเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในทางทหาร พร้อมทั้งต้องกำหนดสิทธิพิเศษและสวัสดิการของทหารเกณฑ์ และกำหนดกรอบภาระหน้าที่อย่างชัดแจ้ง
เอกสารอ้างอิง
แสวง บุญเฉลิมวิภาส. (2558). ประวัติศาสตรกฎหมายไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์วิญญูชน.
นันทิยา สว่างวุฒิธรรม. (2525). การควบคุมกำลังคนในสมัยรัตนโกสินทร์ก่อนการจัดการเกณฑ์ทหาร(พ.ศ. 2325-2448). กรุงเทพมหานคร. ภาควิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พงศธร จันทร์แก้ว. (2563). จากการเกณฑ์ทหารสู่การอุ้มหาย: การละเมิดและการเพิกเฉยของรัฐผ่านมุมมองของอดีตทหารเกณฑ์. Retrieved from: https://www.tcijthai.com/news/2020/26/article/10576
ลิขิต ธีรเวคิน. (2542). วิวัฒนาการการเมืองการปกครองไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Dicey, A.V. (1959). Introduction to the Study of the Law of the Constitution (1885). London: Macmillan.
Israel Defense Service Law (1986). Israel: Basic Law of 1976, The Army. (9 April 1976). Retrieved from: https://www.refworld.org/docid/3ae6b51dc.html
Levi, M. (1996). The Institution of Conscription. Social Science History, 20 (1) 133 – 167. DOI: https://doi.org/10.2307/1171506
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Wanaporn Phanphruk , Sasiorn Into

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





