พฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษาจีนมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2023.272228คำสำคัญ:
พฤติกรรมสุขภาพ; , นักศึกษาจีน; , มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่เริ่มสนใจและตระหนักถึงการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันและปกป้องคุณจากไวรัส ผู้คนจึงเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็น New Normal จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจในการศึกษาแนวโน้มสุขภาพของคนหลายกลุ่ม ซึ่งจากการสังเกตุนักเรียนชาวจีนมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากนักเรียนไทยแต่ยังคงใส่ใจเรื่องสุขภาพ ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษาชาวจีน การวิจัยในครั้งนี้ทำการศึกษาเพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษาจีนมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นนักศึกษาจีนที่ศึกษาและพักอาศัยอยู่ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จำนวนทั้งหมด 232 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษาชาวจีนมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมีค่าความน่าเชื่อถือ .71 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย: (1) ข้อมูลทั่วไปของนักศึกษาจีนมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีสามารถสรุปได้ว่า จำนวนทั้งหมด 232 คน แบ่งเป็นเพศชายจำนวน 158 คน คิดเป็นร้อยละ 68.10 เพศหญิงจำนวน 74 คนคิดเป็นร้อยละ 31.90 (2) ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพของนักศึกษาจีน มี 3 ระดับ โดยจากคะแนนทั้งหมดในการตอบแบบสอบถามด้านสุขภาพ 1856 คะแนน นักศึกษาจีนตอบคำถามข้อที่ถูกต้อง คือ ข้อ “ใช่” จำนวนทั้งหมด 1564 คะแนน ร้อยละ 84.3 ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลนี้ผู้ตอบแบบสอบถามตอบถูกต้องมากกว่าร้อยละ 75 อยู่ในระดับมาก (3) พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของนักศึกษาจีนมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีพบว่าอยู่ในระดับดี
สรุปผล: นักศึกษาจีนมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีรวม 232 คน โดยมีเพศชาย 68.10% และเพศหญิง 31.90% ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพมีระดับสูง (84.3%) และพฤติกรรมดูแลสุขภาพดีตามการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ
เอกสารอ้างอิง
เนตรนภา กิจรุ่งพิพัฒน์ และ อนุสรา พันธุ์นิธิทร์. (2555). พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี. เพชรบุรี : คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท. (2563). จุดเปลี่ยนสุขภาพ New Normal หลังวิกฤติโควิด-19. บทความสุขภาพ โรงพยาบาลสมิติเวช. Retrieved on March 18, 2023 from: https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/new-normal
กมลมาลย์ วิรัตน์เศรษฐสิน. (2560). เส้นทางสู่ธรรมชาติ สุขภาพส่วนบุคคล ภาวะที่ต้องทบทวน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2561). แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ตาม 3 อ.2ส. ของประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2561. Retrieved on March 18, 2023 from: http://www.hed.go.th/news/3268.
สิทธิพงษ์ อินทร์น้อย (2565). อาจารย์ประจำผู้ดูแลนักศึกษาจีนสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา (อาจารย์ล่ามจีน). มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี: สัมภาษณ์.
Andersen, R.M. (1995). Revisiting the Behavioral Model and Access to Medical Care: Does it Matter? Journal of Health and Social Behavior, 36(1), 1-10. doi:10.2307/2137284
Bandura, A. (2004). Health Promotion by Social Cognitive Means. Health Education & Behavior, 31(2), 143-164. doi:10.1177/1090198104263660
Emanuel, E. J., & Emanuel, L. L. (1992). Four Models of the Physician–Patient Relationship. JAMA, 267(16), 2221-2226. doi:10.1001/jama.1992.03480160079038
Glanz, K., Rimer, B. K., & Viswanath, K. (Eds.). (2015). Health Behavior: Theory, Research, and Practice. 5th ed. Jossey-Bass.
Qian, L., Yuen, L.W., Feng, Y., Newman, I.M., Shell, D.S., & Du, W. (2018). Effect of a Comprehensive Health Education Program to Increase Physical Activity among Primary School Students in China. Scientific Research Publishing. 8 (2), 193-204. https://doi.org/10.4236/ape.2018.82018
Wang, D., Ou, C-Q. Chen, M-Y., & Duan, N. (2009). Health-promoting lifestyles of university students in Mainland China. BMC Public Health. 9, 379, https://doi.org/10.1186/1471-2458-9-379.
Williams, D.R., & Collins, C. (2001). Racial Residential Segregation: A Fundamental Cause of Racial Disparities in Health. Public Health Reports, 116(5), 404-416. doi:10.1093/phr/116.5.404
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Parnrada Pacharasitangoon, Rumpai Soonchan, Nannapat Pholtan, Piyawat Talubtong, Paitoon Zaechou

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





