การประเมินความต้องการจำเป็นในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล ของสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารการ อาชีวศึกษาเอกชน จังหวัดฉะเชิงเทรา
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.271928คำสำคัญ:
ความต้องการจำเป็น;, หลักธรรมาภิบาล; , สถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชนบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การบริหารสถานศึกษาหากมีการนำหลักธรรมาภิบาลไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา จะทำให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ 2) ศึกษาความต้องการจำเป็น และ 3) ศึกษาแนวทางการบริหารสถานศึกษา ตามหลักธรรมาภิบาลของสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน จังหวัดฉะเชิงเทรา
ระเบียบวิธีการวิจัย: ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารและ ครู ในสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครจซี่ และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 118 คน สุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม ที่มีค่าความเชื่อมั่น 0.96 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ได้แก่ความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ(Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNI modified)
ผลการวิจัย: (1) สภาพปัจจุบันของการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล อยู่ในระดับมาก เรียบลำดับค่าเฉลี่ย คือ ด้านหลักความรับผิดชอบ ด้านคุณธรรม ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านหลักความโปร่งใส และสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล อยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้คือ ด้านหลักคุณธรรม ด้านหลักการมีส่วนร่วม ส่ และด้านความโปร่งใส (2) ความต้องการจำเป็นของการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล พบว่า ด้านที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ ด้านคุณธรรม(PNI modified=0.32) รองลงมาคือด้านความมีส่วนร่วมและด้านความคุ้มค่า(PNI modified=0.31) ส่วนด้านที่มีความสำคัญน้อยที่สุดคือ ด้านความรับผิดชอบ (PNI modified=0.29) (3) แนวทางการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล พบว่า ด้านนิติธรรม ผู้บริหารส่งเสริมครูและบุคคลากรให้สามารถปฏิบัติงานเพื่อตอบสนองภาระกิจภายใต้กฏระเบียบด้วยความเป็นธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตน มีการชี้แจง ให้บุคลากรทราบถึงกฎระเบียบ ข้อบังคับ ด้านคุณธรรม ผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างที่ดีและสนับสนุนส่งเสริม คุณธรรม จริยธรรมภายในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องและเป็นธรรมด้านความโปร่งใสการบริหารจัดการต้องกระทำอย่างเปิดเผยและตรวจสอบได้และมีคณะกรรมการดำเนินการกำกับดูแลด้านงบประมาณรายรับ- รายจ่าย การเงิน พัสดุ จัดซื้อ ด้านความมีส่วนร่วม ผู้บริหารเปิดโอกาสให้ประชาชน ครู บุคลากร สถานประกอบการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมรับรู้ ร่วมแสดงความคิดเห็นในการกำหนดนโนบาย และการตัดสินใจ ร่วมกันในการพัฒนาสถานศึกษาด้านความรับผิดชอบผู้บริหารต้องสร้างความตระหนักและการรับรู้สิทธิหน้าที่บทบาทความรับผิดชอบงานตามที่ได้รับมอบหมายและมีระบบรายงานผลการปฏิบัติงาน ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการอบรม พัฒนาครูและบุคคลากรในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องและด้านความคุ้มค่าต้องกำหนดนโนบายในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพประหยัดและคุ้มค่า สร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมในสถานศึกษาโดยกระตุ้นให้ครูและบุคลากรสร้างแนวคิด วิธีการปฏิบัติงานอย่างประหยัดและคุ้มค่าโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน
สรุปผล: การประเมินการบริหารสถานศึกษาตอกย้ำรากฐานที่แข็งแกร่งในด้านความรับผิดชอบและคุณธรรม โดยระบุความโปร่งใสเป็นแนวทางในการปรับปรุง เงื่อนไขที่ต้องการให้ความสำคัญกับหลักศีลธรรม การมีส่วนร่วม และความโปร่งใส ความต้องการด้านการบริหารที่สำคัญเน้นความซื่อสัตย์ การมีส่วนร่วม และความคุ้มค่า โดยเรียกร้องให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวปฏิบัติที่ระบุไว้สนับสนุนให้ผู้ดูแลระบบปกป้องความยุติธรรม ความประพฤติตามหลักจริยธรรม และการไม่แบ่งแยก เพื่อเพิ่มความรับผิดชอบ การส่งเสริมความตระหนักรู้ การใช้ระบบการรายงานผลการปฏิบัติงาน และการสนับสนุนการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญ จุดมุ่งหมายที่ครอบคลุมคือการสร้างนโยบายที่ส่งเสริมประสิทธิภาพ นวัตกรรม และความคุ้มทุน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่นักศึกษา
เอกสารอ้างอิง
ขันแก้ว พรมคำ. (2565). การพัฒนาแนวทางการบริหารโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของสถานศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
จิณห์วรา วันทาและคณะ. (2562). การศึกษาความต้องการจําเป็นในการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มเมืองสําโรงขามป้อม สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชธานี.
จุฑากาญจน์ เก่งกสิกิจ. (2564). การใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในสหวิทยาเขตธรรมจักรสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ชัยอนันต์ สมุทวณิช. (2550). Good Governance กับการปฏิรูปการศึกษาการปฏิรูป การเมือง. มปส
ณัฐฐิภา ลาสงยางและคณะ (2564). ความต้องการจำเป็นของการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหาร สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2. Journal of Buddhist Education and Research. 7(2), 77-88.
ทัศพร เกตุถนอมและคณะ (2565). การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา จังหวัดแพร่. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 9(6), 1-15.
ธีรยุทธ บุญมี (2551).การปฏิวัติสัญศาสตร์ของโซซูร์เส้นทางสู่โพสต์โมเดอร์นิสม์. กรุงเทพฯ : วิภาษา.
ธีระ รุญเจริญ. (2550). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษา. ยุคปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง.
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. (2545). การสร้างธรรมาภิบาล (Good Governance) ในสังคมไทย. กรุงเทพฯ: วิญญูชน.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
บุษบง ชัยเจริญวัฒนะ และบุญมี ลี้. (2554). ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ปนัดดา ดิศกุล. (2560). คุณธรรม จริยธรรมสำหรับผู้บริหารและสถานศึกษาคุณธรรม. Retrieved from: https://www.kroobannok.com/81505
ภัทรดี เหมะ. (2565). แนวทางการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัญฑิต: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
สถาบันพระปกเกล้า. (2544). ตัวชีวัดธรรมาภิบาล. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า.
สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา. (2565). ข้อมูลสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนที่เปิดทำการสอน ปีการศึกษา 2565. Retrieved from: https://vecp.vec.go.th/schoolinfo.aspx
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Chanchai Sripinyo, Ganratchakan Lertamornsak

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





