การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดการเรียนรู้ ด้านทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับครูประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2023.271282คำสำคัญ:
หลักสูตรฝึกอบรม, , ความสามารถในด้านการจัดการเรียนรู้, , ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุกประสงค์: การคิดอย่างมีวิจารณญาณเป็นกระบวนการคิดที่ใช้เหตุผลพิจารณาใตร่ตรองอย่างรอบคอบโดยการศึกษาข้อมูล หลักฐาน แยกแยะข้อมูลและหาแนวทางแก้ปัญหานั่นๆได้เพื่อนำสู่การตัดสินใจ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน และความต้องการในการฝึกอบรม (2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม (3) ทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม และ (4) ประเมินหลักสูตรฝึกอบรม
ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน และความต้องการในการฝึกอบรม จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นครูผู้สอนในโรงเรียนกลุ่มเครือข่ายบริหารสถานศึกษาแบบบูรณาการ จำนวน 136 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน สุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย และกลุ่มเป้าหมาย ที่ใช้ในการสัมภาษณ์ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนประถมศึกษา ศึกษานิเทศก์ และครูผู้สอน จำนวน 15 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ระยะที่ 2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม และหาประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ระยะที่ 3 ทดลองใช้หลักสูตรกับครูผู้สอนในกลุ่มเครือข่ายบริหารสถานศึกษาแบบบูรณาการ จำนวน 30 คน และระยะที่ 4 ประเมินหลักสูตรฝึกอบรม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบทดสอบ แบบสอบถาม และแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย: (1) สภาพปัจจุบันในการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยรวมอยู่ในระดับมาก และความต้องการในการฝึกอบรมฯ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (2) ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมฯ พบว่า หลักสูตรฝึกอบรม มีองค์ประกอบ 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 2) หลักการของหลักสูตร 3) จุดมุ่งหมายของหลักสูตร 4) เนื้อหาสาระของหลักสูตร 5) กิจกรรมการฝึกอบรม 6) สื่อและแหล่งเรียนรู้ และ 7) การวัดและการประเมินผล ผลการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร พบว่า หลักสูตรฝึกอบรม โดยรวมมีระดับความสอดคล้องอยู่ในระดับมากที่สุด มีความเหมาะสม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (3) ผลการทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรมฯ พบว่า ครูที่เข้ารับการฝึกอบรม โดยรวมมีความรู้ ความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลังการฝึกอบรมผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 คิดเป็นร้อยละ 100 และครูสามารถจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ได้ระดับคุณภาพดีมาก คิดเป็นร้อยละ 100 และครูมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมฝึกอบรม โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด และ (4) ผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมฯ พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ของครูที่เข้ารับการฝึกอบรม โดยรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และนักเรียนระดับประถมศึกษา มีความคิดเห็นต่อการจัดการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผล: ผลการวิจัยแสดงว่า สภาพการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะการคิดมีวิจารณญาณระดับมากและความต้องการในการฝึกอบรมมีระดับมากที่สุด โดยหลักสูตรฝึกอบรมมีองค์ประกอบ 7 องค์ประกอบที่มีความสอดคล้องและเหมาะสมระดับมากที่สุด ครูที่เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้และความสามารถด้านการคิดมีวิจารณญาณ 80-100% และมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมฝึกอบรมระดับมากที่สุด และการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมพบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ของครูและความคิดเห็นของนักเรียนทั้งหมดอยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.
ชญาภา น่าบัณฑิตย์ (2556). รูปแบบการพัฒนาครูด้านกระบวนการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณ โรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารจัดการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ชนาธิป พรกุล (2544). การสอนกระบวนการคิด : ทฤษฎีและการนาไปใช้. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทิศนา แขมมณี (2554). ทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาแห่งชาติ.
ธนศักดิ์ เจริญธรรม (2561). การพัฒนาโปรแกรมพัฒนาครูวิทยาศาสตร์ในการ จัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา. วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา การบริหารและพัฒนาการศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ธนากร วงศ์ศรีเฝือก (2563). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ของครูเพื่อส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน. วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สงัด อุทรานันท์ (2537). พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ: วงเดือนการพิมพ์.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1, (2564). แผนปฏิบัติการประจำปี พ.ศ. 2564. สุรินทร์ : กลุ่มนโยบายและแผน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2558). แนวทางในการจัดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย จำกัด.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). ข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ : เซ็นจูรี่.
สิทธิพล อาจอินทร์. (2550). รูปแบบการพัฒนาทักษะการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับครูวิทยาศาสตร์ประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สุคนธ์ สินธพานนท์ และคณะ (2552). พัฒนาทักษะการคิดตามแนวปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ :เทคนิคพริ้นติ้ง.
สุรางค์ โค้วตระกูล. (2554). จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
สุวิทย์ มูลคํา. (2559). กลยุทธ์การสอนคิดเชิงกลยุทธ์. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
Oliva, P.F. (1992). Developing the Curriculum. 3rd edition. New York: Harper Collins.
Saylor, J.G., & Alexander, M. W. (1994). Planning Curriculum for School. 3rd edition. New York: Holt Rinehart and Winston.
Taba, H. (1978). Curriculum Development: Theory and Practices. New York: Harcourt, Brace and World Inc.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Suprap Wisitsri, Nattachai Jantachum, Tipaporn Sujaree

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





