การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในศตวรรษที่ 21 สำหรับครูผู้สอนในโรงเรียน พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2023.270647คำสำคัญ:
หลักสูตรฝึกอบรม; , การจัดการเรียนรู้เชิงรุกในศตวรรษที่ 21บทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับสภาพสังคม โดยให้ความสำคัญกับทักษะด้านสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงทักษะในการทำงาน การจัดการเรียนรู้เชิงรุกจึงเป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาความคิดขั้นสูง การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและความต้องการในการฝึกอบรม 2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม 3) ทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม และ 4) ประเมินหลักสูตรฝึกอบรม
ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานสภาพปัญหาและความต้องการในการฝึกอบรม ระยะที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรระยะที่ 3 การทดลองใช้หลักสูตร และระยะที่ 4 การประเมินหลักสูตร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในระยะที่ 1 ได้แก่ พระสงฆ์ จำนวน 108 รูป และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการสนทนากลุ่ม ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 16 รูป/คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในระยะที่ 2 เป็นผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน ระยะที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองใช้หลักสูตร คือ พระสงฆ์จำนวน 30 รูป และระยะที่ 4 ประเมินหลักสูตร โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความสอดคล้อง ความเหมาะสม แบบทดสอบ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (One-Samples t-test)
ผลการวิจัย: (1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับแนวคิด ในการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม แนวคิดในการพัฒนาบุคลากร แนวคิดในการจัดการเรียนรู้ผู้ใหญ่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ในศตวรรษที่ 21 พบว่า ผู้บริหารและครูผู้สอนมีความเห็นสอดคล้องกัน คือ ต้องการให้มีการพัฒนาครู เรื่อง การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เนื่องจากเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติและได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำได้ปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้เกิดองค์ความรู้ที่คงทน และความคิดเห็นของครูผู้สอนเกี่ยวกับสภาพปัญหาและความต้องการในการฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ในศตวรรษที่ 21 พบว่า สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในศตวรรษที่ 21 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนระดับความต้องการในการฝึกอบรม พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก (2) ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในศตวรรษที่ 21 สำหรับครูผู้สอน ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ผลการวิจัยพบว่า หลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ในศตวรรษที่ 21 สำหรับครูผู้สอนในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ปัญหาและความสำคัญ 2) หลักการของหลักสูตร 3) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 4) เนื้อหาสาระของหลักสูตร 5) กระบวนการจัดกิจกรรมการฝึกอบรม 6) สื่อและแหล่งเรียนรู้ และ 7) การวัดและการประเมินผล ผลการประเมินความสอดคล้องของหลักสูตร โดยผู้เชี่ยวชาญ 7 คน โดยรวม พบว่า มีความสอดคล้องอยู่ในระดับมากที่สุด (3) ผลการทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในศตวรรษที่ 21 สำหรับครูผู้สอน ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา พบว่า 1) คะแนนทดสอบระหว่างอบรมและหลังการฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ในศตวรรษที่ 21 สำหรับครูผู้สอนในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา มีค่าประสิทธิภาพกระบวนการและประสิทธิภาพผลลัพธ์ของผู้เข้าฝึกอบรม สูงกว่าร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) พระสงฆ์ที่เข้ารับการฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ในศตวรรษที่ 21 โดยรวมทุกด้าน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และ (4) ผลการประเมินผลหลักสูตร พบว่า การประเมินหลักสูตรฝึกอบรมโดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 30 คน พบว่า โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผล: การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในศตวรรษที่ 21 ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาพบว่าผู้บริหารและครูผู้สอนมีความเห็นสอดคล้องกันว่าครูต้องการการพัฒนาในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยการให้นักเรียนมีโอกาสลงมือปฏิบัติและใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำ เพื่อเสริมความคงทนขององค์ความรู้และคิดเห็นของครูเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้เชิงรุกทั่วไปอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการในการฝึกอบรมอยู่ในระดับมาก ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมแสดงว่ามี 7 องค์ประกอบที่สอดคล้องกับความต้องการและมีความสอดคล้องมากที่สุดตามการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ การทดลองใช้หลักสูตรแสดงให้เห็นว่ากระบวนการและผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงกว่า 80% และผู้เข้ารับการฝึกอบรมและพระสงฆ์มีความพึงพอใจมากที่สุดทั่วด้านของหลักสูตร
เอกสารอ้างอิง
พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์. (2558). การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ: แนวคิด วิธีและเทคนิคการสอน1. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป.
วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และอธิป จิตตฤกษ์. (2556). ทักษะแห่งอนาคตใหม่ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21 (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โอเพ่นเวิลต์ส พับลิชชิ่ง เฮาส์.
วรางคณา ทองนพคุณ. (2556). ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ความท้าทายในอนาคต = 21st Century Skills: The Challenges Ahead. ค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2565, จาก http://www.education.pkur.ac.th
วิจารณ์ พานิช. (2556). ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสยามกัมมาจล.
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2554). การพัฒนาหลักสูตรระดับอุดมศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร : บริษัท อาร์ แอนด์ ปริ้นท์ จำกัด
สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ และคณะ. (2556). ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อสร้างความ รับผิดชอบ (accountability). Retrieved on 10 March 2022, from: http://tdri.or.th/priority- research/educational-reform-accountability
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2558). แนวทางในการจัดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย จำกัด.
สิทธิพล อาจอินทร์. (2563). การพัฒนาหลักสูตร=Curriculum Development. พิมพ์ครั้งที่ 5. ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สุวิมล ว่องวานิช, (2560). การพัฒนาชุดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการวิจัยในชั้นเรียนของนิสิตครู. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2562). แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและ ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
อัสรี สระอีดี (2561). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูพลศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยประยุกต์ใช้การอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ร่วมกับการสอนแบบเสริมศักยภาพ. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Krejcie, V.R., & W.D. Morgan. (1970). Determining sample size for research activities,” Educational and Psychological Measurement. 30(3), 608-609.
Oliva, P.F. (1992). Developing the Curriculum. (3rd ed). New York: Harper Collins.
Saylor, J.G., & Alexander, M. W. (1974). Planning Curriculum for School. 3rd edition. New York: Holt Rinehart and Winston.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Thongpean Jaikha, Nattachai Jantachum, Tipaporn Sujaree

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





