การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการอ่านและการเขียนอักษรขอมเบื้องต้นสำหรับพระสงฆ์
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.289คำสำคัญ:
หลักสูตรฝึกอบรม; , การอ่านการเขียน;, อักษรขอมเบื้องต้นบทคัดย่อ
การศึกษาบาลีในประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณพวกกุลบุตรต้องเริ่มต้นด้วยการเรียนอักษรขอมก่อน เพราะภาษาบาลีที่จารึกไว้ด้วยอักษรขอมผู้เริ่มเรียนต้องเรียนคัมภีร์มูลกัจจายน์ท่องสูตรซึ่งมีทั้งภาคมคธและพากย์ไทยล้วนเป็นอักษรขอมทั้งนั้น ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและความต้องการในการฝึกอบรม 2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม 3) ทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม และ 4) ประเมินหลักสูตรฝึกอบรม การวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานสภาพปัญหาและความต้องการในการฝึกอบรม ระยะที่ 2 การพัฒนาหลักสูตร ระยะที่ 3 การทดลองใช้หลักสูตร และระยะที่ 4 การประเมินหลักสูตร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในระยะที่ 1 ได้แก่ พระสงฆ์ จำนวน 368 รูป และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการสนทนากลุ่ม ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 10 รูป/คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในระยะที่ 2 เป็นผู้ให้ข้อมูลที่ใช้ในการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน ระยะที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองใช้หลักสูตร คือ พระสงฆ์จำนวน 30 รูป เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความสอดคล้อง ความเหมาะสม แบบทดสอบ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (One-Samples t-test) ผลการวิจัยพบว่า (1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและความต้องการในการฝึกอบรมการอ่านและการเขียนอักษรขอมเบื้องต้น สำหรับพระสงฆ์ พระสงฆ์มีความต้องการในการฝึกอบรมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และจากการสนทนากลุ่มพระสงฆ์ มีความเห็นสอดคล้องกันคือควรมีการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม การอ่านและการเขียนอักษรขอมเบื้องต้น สำหรับพระสงฆ์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และถ่ายทอดวัฒนธรรมทางภาษา (2) ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการอ่านและการเขียนอักษรขอมเบื้องต้น สำหรับพระสงฆ์ พบว่า หลักสูตรฝึกอบรมมีองค์ประกอบทั้งหมด 6 องค์ประกอบดังนี้ 1) หลักการของหลักสูตร 2) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 3) เนื้อหาสาระ 4) กิจกรรมการฝึกอบรม 5) สื่อและแหล่งเรียนรู้ 6) การวัดและประเมินผล และ การประเมินความสอดคล้องและความเหมาะสมของหลักสูตร พบว่า ความสอดคล้องอยู่ในระดับมากที่สุด และมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (3) ผลการทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม การอ่านและการเขียนอักษรขอมเบื้องต้น สำหรับพระสงฆ์ พบว่า คะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลังการฝึกอบรมมีค่าเท่ากับ 27.23 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน เมื่อเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 พบว่า คะแนนทดสอบหลังการฝึกอบรม การอ่านและการเขียนอักษรขอมเบื้องต้น มีค่าสูงกว่าร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และความพึงพอใจของพระสงฆ์ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการฝึกอบรม พบว่า พระสงฆ์ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (4) ผลจากการประเมินหลักสูตรฝึกอบรม การอ่านและการเขียนอักษรขอมเบื้องต้น สำหรับพระสงฆ์ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 7 คน มีความเห็นตรงกันว่าหลักสูตรมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
กังวล คัชชิมา. (2541). พัฒนาการของอักษรและอักขรวิธีที่พบในประเทศไทยตั้งแต่ พุทธศัตวรรษที่ 11-18. รายงานประกอบรายวิชา 318 – 406 Palaeography in Southeast Asia ภาควิชาภาคตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
บัญญัติ สาลี. (มปป.). ประวัติภาษาขอม. มหาสารคาม : โครงการอนุรักษ์ใบลานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่7. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
พระพรศักดิ์ิ ธิตเมโธ (ปรีชา). (2562). การศึกษาอักษรขอมที่ใช้ในพระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพุทธศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
พัฒนา สุขประเสริฐ. (2543). กลยุทธ์ในการฝึกอบรม. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มธุรส ประภาจันทร์. (2559). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเสริมสร้างความสามารถในการสอนอ่านและวินิจฉัยการอ่านสำหรับครูระดับประถมศึกษาตอนต้น. ปริญญานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วิชัย วงษ์ใหญ่. (2554). การพัฒนาหลักสูตรครบวงจร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สงัด อัทรานันท์. (2532) พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มิตรสยาม
อนวัช สิญจวัตร. (2565). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการอ่านการเขียนอักษรธรรมเบื้องตันสำหรับพระสงฆ์. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. 16(2), 67-76.
Krejcie, R.V., & Morgan D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Taba, H. (1962). Curriculum development: theory and practice. New York: Brace & World.
Tyler, L.E. (1971). Test and Measurements. 2nd edition. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice-Hall.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Somrak Trongkaew, Nattachai Jantachum, Tipaporn Sujaree

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





