การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการแก้ปัญหาแบบร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้แต่ง

  • อรพรรณ ชาญสูงเนิน นักศึกษา หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตรศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://orcid.org/0009-0005-0525-272X
  • ไพศาล วรคำ อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาวิทยาศาสตรศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://orcid.org/0009-0003-3205-4265

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2023.270

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน; , สมรรถนะการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ; , ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

บทคัดย่อ

วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญในสังคมโลกยุคปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์คือการอธิบายความรู้ต่าง ๆ ในธรรมชาติ ช่วยพัฒนาวิธีคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาที่หลากหลาย การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานกับเกณฑ์ร้อยละ 70 และศึกษาสมรรถนะการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ จากการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง ไฟฟ้าของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ร้อยเอ็ด จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง ไฟฟ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 9 แผน 18 ชั่วโมง แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ไฟฟ้า จำนวน 20 ข้อ ความยากอยู่ระหว่าง 0.26 – 0.66 อำนาจจำแนก (B) อยู่ระหว่าง 0.27 – 0.66 ความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 และแบบประเมินสมรรถนะการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ ที่มีความเชื่อมั่นระหว่างผู้ประเมิน (RAI) เท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () และการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังจากได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสมรรถนะการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ ด้านการสร้างและเก็บรักษาความเข้าใจที่มีร่วมกัน ด้านการเลือกวิธีดำเนินการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาและด้านการสร้างและรักษาระเบียบของกลุ่มของนักเรียนเมื่อได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานมีแนวโน้วสูงขึ้น

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การค้ารับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.

แคทรียา มุขมาลี. (2557). การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง อาหารกับการดำรงชีวิต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่นขอนแก่น.

ทิศนา แขมมณี. (2551). รูปแบบการเรียนการสอนทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นราลักษณ์ ผ่องปัญญา และยศวีร์ สายฟ้า. (2560). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน ผ่านกระบวนการกลุ่มเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5. An Online Journal of Education, 13(2), 264–274. Retrieved from https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/180131

บุญศรี วราพุฒ. (2561). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง การสืบพันธุ์ของพืชและจำแนกพืช โดยการจักการเรียนรู้แบบสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.

ปราณี หีบแก้ว. (2552). การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์เรื่อง ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

พจงจิตร นาบุญมี. (2560). การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อพัฒนาสมรรถนะการแก้ปัญหาแบบร่วมมือเรื่องการเคลื่อนที่แบบหมุนของนกัเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์: มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ไพศาล วรคำ. (2564). การวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 12. มหาสารคาม: มหาสารคามตักสิลาการพิมพ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสารคาม.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2561). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของ สกสค.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2559). ผลการประเมินในโครงการ PISA 2015. Retrieved on 30 November 2021 from: http://pisathailand.ipst.ac.th/news/pisa2015result.

สสวท. (2559), สรุปผลการวิจัยโครงการ TIMSS 2015, สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2551). กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545 - 2559). กรุงเทพฯ: สกศ. 2551.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2558) สมรรถนะการศึกษาไทยในเวทีสากล พ.ศ. 2558 (IMD2015). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2558). การอบรมการยกระดับคุณภาพผู้เรียนสู่ความพร้อมในการประเมินระดับนานาชาติ (PISA). Retrieved 20 November 2021 from: https://sites.google.com/site/sornorlopburi2/pisa/xeksar-kar-xbrm/karkaepayhabaeb-rwm-mux.

Bloom, B. (1976). Human Characteristics and School Learning. New York: McGraw-Hill Book Company.

OECD (2015). OECD guidelines on corporate governance of state-owned enterprises 2015. Edition. OECD Publishing, Paris.

OECD. (2017). PISA 2015 assessment and analytical framework science, reading, mathematics, financial literacy, and collaborative problem-solving. Retrieved on 30 November 2021 from: https://read.oecd-ilibrary.org/education/pisa-2015-assessment-and-analytical-framework_9789264281820-en#page3.

Schleicher, A. (2017). Better Education Outcomes for Indigenous Students. Retrieved from; https://www.teachermagazine.com.au/articles/better-education-outcomes-for-indigenous-students

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-10-16

รูปแบบการอ้างอิง

ชาญสูงเนิน อ., & วรคำ ไ. . (2023). การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการแก้ปัญหาแบบร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(5), 589–602. https://doi.org/10.14456/iarj.2023.270

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ