การเปลี่ยนมโนทัศน์เรื่องพันธะเคมีและเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.251คำสำคัญ:
การเปลี่ยนมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์; , พันธะเคมี; , เจตคติทางวิทยาศาสตร์บทคัดย่อ
วิชาเคมีเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ และพบว่านักเรียนจำนวนมากมีแนวโน้มในการมีมโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อน (Alternative Conception) และมโนทัศน์ที่ผิดไปจากความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ (Misconception) เพิ่มมากขึ้น ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ จำนวน 3 วงจรปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนมโนทัศน์เรื่องพันธะเคมีและเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนมโนทัศน์ กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบรบือวิทยาคาร จำนวน 26 คน และเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กลยุทธ์ในการเปลี่ยนมโนทัศน์ เรื่องพันธะเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 9 แผน เวลาเรียน 13 ชั่วโมง 2) แบบวัดมโนทัศน์เรื่องพันธะเคมี แบบปรนัย 2 ตอน (Two–tiers Multiple Choices) จำนวน 13 ข้อ มีค่าความยากระหว่าง 0.40–0.70 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.40–0.80 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.84 และ 3) แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมีเหตุผล ด้านการเป็นบุคคลที่มีความอยากรู้อยากเห็น ด้านการเป็นบุคคลที่ใจกว้าง ด้านเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์และมีใจเป็นกลาง ด้านความเพียรพยายาม และด้านความละเอียดรอบคอบ รวม 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.42-0.89 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.73 ดำเนินการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนมีระดับมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ที่สูงขึ้นในทุกวงจรปฏิบัติการโดยในวงจรปฏิบัติการที่ 1 มีนักเรียนผ่านเกณฑ์มโนทัศน์ระดับความเข้าใจมโนทัศน์ที่ถูกต้องแต่ไม่สมบูรณ์ขึ้นไป (PU) คิดเป็นร้อยละ 34.61 และนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 65.39 ในวงจรปฏิบัติการที่ 2 มีนักเรียนผ่านเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 53.84 เพิ่มขึ้นจากวงจรปฏิบัติการที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 19.23 และนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 46.16 ลดลงจากวงจรปฏิบัติการที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 19.23 และในวงจรปฏิบัติการที่ 3 มีนักเรียนผ่านเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 73.08 เพิ่มขึ้นจากวงจรปฏิบัติการที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 19.24 และนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 26.92 ลดลงจากวงจรปฏิบัติการที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 19.24 และนักเรียนมีเจตคติทางวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับเจตคติระดับมากในทุกด้าน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ณัชธฤต เกื้อทาน. (2557). การพัฒนาแบบจำลองความคิดเรื่องพันธะเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐาน. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ทิศนา แขมมณี. (2559) ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 20, กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปวีณา งามชัด. (2556). การเปลี่ยนแปลงมโนมติทางวิทยาศาสตร์ และความสัมพันธ์ระหว่างการเห็นคุณค่าในตนเอง กับการเปลี่ยนแปลงมโนมติ เรื่องการสืบพันธุ์ของพืชดอก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เมื่อใช้ยุทธศาสตร์การสอนเพื่อเปลี่ยนมโนมติ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
พรประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ. (2553). การปรับเปลี่ยนมโนมติ เรื่องเซลล์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ยุทธศาสตร์การสอนเพื่อเปลี่ยนมโนมติตามแนวของ Hewson and Hewson (2003). วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
โรงเรียนบรบือวิทยาคาร. (2565). ข้อมูลสถิติจำนวนนักเรียนโรงเรียนบรบือวิทยาคาร. มหาสารคาม: โรงเรียนบรบือวิทยาคาร.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). การวัดผลประเมินผลวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
สมเจตน์ อุระศิลป์ และศักดิ์ศรี สุภาษร. (2554). การเปรียบเทียบมโนมติก่อนเรียน และหลังเรียน เรื่องพันธะเคมี ตามโมเดลการเรียนรู้ T5 แบบกระดาษ. วารสารวิจัยมหาวิทยาขอนแก่น, 1(1), 38–57.
สังวาล ดิรัตนวงษ์. (2562). การเปลี่ยนแปลงมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการดำรงชีวิตของพืช ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ยุทธศาสตร์การสอนเพื่อเปลี่ยนมโนมติของ Hewson & Hewson (2003) ร่วมกับการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนา. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สุนิษา คำสะอาด. (2557). การเปลี่ยนแปลงมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการสืบพันธุ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ยุทธศาสตร์การสอนเพื่อเปลี่ยนมโนมติตามแนวคิดของ Hewson and Hewson. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาขอนแก่น.
เสาวนีย์ สังฆะขี และวรรณจรีย์ มังสิงห์. (2555). ความเข้าใจมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่องบรรยากาศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภายหลังการใช้ยุทธศาสตร์การสอนเพื่อเปลี่ยนมโนมติของ Hewson & Hewson (2003). Journal of Education Graduate Studies Research, 6(2), 186–195.
อรรถพล พลอยมีค่า. (2563). แบบทดสอบวินิจฉัยสามลำดับขั้นเพื่อระบุมโนมติที่คลาดเคลื่อน เรื่องสมดุลเคมี. วารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์. 15 (3), 105-118.
อัจฉรีรัตน์ ศิริ, ประนอม แซ่จึง และกานต์ตะรัตน์ วุฒิเสลา. (2558). การสำรวจมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่องสารโคเวเลนต์ และไอออนิก โดยใช้เทคนิคแบ่งลุ่มผลสัมฤทธิ์ร่วมกับบัตรแสดงพันธะเคมี. วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 6(2), 198–208.
อิสราพร เภรินทวงศ์. (2557). การเปลี่ยนแปลงมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ยุทธศาสตร์การสอนเพื่อเปลี่ยนมโนมติของ Hewson & Hewson (2003) ร่วมกับการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (EDKKUJ). 37 (2),172-179.
อุมาพร เอี่ยมละออ. (2552). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้จากการแก้ปัญหา เรื่องพันธะเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Capriconia, J., & Mufit, F. (2022). Analysis of Concept Understanding and Students’ Attitudes Toward Learning Physics in Material of Straight Motion. Journal Pennelitian Pendidikan IPA, 8(3), 1435 – 1461.
Haney, R. E. (1964). The Development of Scientific Attitudes. Wisconsin: Merrill.
Hewson, M. G., & Hewson, P. W. (2003). Effect of Instruction Using Students’ Prior Knowledge and Conceptual Change Strategies on Science Learning. Journal of Research Teaching, 25(8), 35–43.
Ormrod, J. E. (2006). Education Psychology: Developing Learner. New Jersey: Prentice Hall.
Posner, G., Strike, K., Hewson, P., & Gertzog, W. (1982). Accommodation of a scientific conception: Toward a theory of conceptual change. Science Education, 66, 211-227.http://dx.doi.org/10.1002/sce.3730660207
Sampson, V., Walker, J., & Grooms, J. (2009). Argument-driven Inquiry: A Way to Promote Learning during Laboratory Activities. The Science Teacher, 76(8), 42–47.
Thorndike, R. L. (1949). Personal Selection; Test and Measurement Techniques. New York: John Willey and Sons.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Kawisara Jinaboon, Panwilai Dokmai

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





