ผลการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านอาเซียนที่มีต่อการอยู่ร่วมกันในห้องเรียนพหุวัฒนธรรมของเด็กปฐมวัย
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.248คำสำคัญ:
การละเล่นพื้นบ้าน; , อาเซียน; , การอยู่ร่วมกัน; , พหุวัฒนธรรม; , ปฐมวัยบทคัดย่อ
ปัจจุบันประเทศไทยมีบุคคลที่หลากหลายเชื้อชาติมาอาศัยร่วมกัน เมื่อบุคคลเหล่านั้นมีลูกก็ส่งลูกเข้ามาเรียนในโรงเรียน ดังนั้นในห้องเรียนเดียวกันจึงมีเด็กหลายเชื้อชาติมาอยู่ร่วมกัน แต่เด็กไม่สามารถสื่อสารด้วยกันเป็นภาษาไทยได้ เมื่อเล่นด้วยกันก็ไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกันและใช้คำพูดไม่เหมาะสมหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น ผู้วิจัยเห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เด็กหลายเชื้อชาติที่มาอยู่ร่วมกันเข้าใจและยอมรับวัฒนธรรมของตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งได้ การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านอาเซียนที่มีต่อการอยู่ร่วมกันในห้องเรียน พหุวัฒนธรรมของเด็กปฐมวัย กลุ่มเป้าหมายคือเด็กอายุระหว่าง 4-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสังข์อ่ำวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 จำนวน 30 คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านอาเซียน จำนวน 24 แผน แบบประเมินพฤติกรรมการอยู่ร่วมกันในห้องเรียนพหุวัฒนธรรมของเด็กปฐมวัย แบบบันทึกพฤติกรรม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านอาเซียนมีทักษะทางสังคมในการอยู่ร่วมกันในห้องเรียนพหุวัฒนธรรมของเด็กปฐมวัยสูงขึ้นกว่าก่อนจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านอาเซียน โดยมีด้านที่สูงที่สุดเรียงลำดับไป ดังนี้ ด้านการยอมรับความหลากหลาย ด้านการสื่อสาร ด้านการเคารพสิทธิ และด้านการอยู่ร่วมกันแบบเป็นอันหนึ่งอันเดียว เด็กได้พัฒนาทักษะทางสังคมผ่านการละเล่นพื้นบ้านอาเซียน ทำให้เด็กรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน มีการช่วยเหลือกัน มีปฏิสัมพันธ์ร่วมมือทำกิจกรรมกับเพื่อนที่มีความแตกต่างกันทางเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม เด็กสามารถยอมรับและปรับตัวอยู่ร่วมกันกับเพื่อนที่มีความแตกต่างจากตนเองได้อย่างมีความสุข
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
จินตนา นิลทวี. (2564). การพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมของเด็กปฐมวัยโดยใชกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านไทย.สิกขาวารสารศึกษาศาสตร์. 8 (1), 57-66.
จิรภรณ์ มั่นเศรษฐวิทย์. (2556). รูปแบบการจัดประสบการณ์เรียนรู้ SANTISUK เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะพึงประสงค์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้. วารสารพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 19 (1), 37-55.
ณัฐรุจา ท่าโทม. (2565). ผลการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมทางสังคมของเด็กอนุบาลในห้องเรียนพหุวัฒนธรรม. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 50 (3), 1-12.
ธนพร หมูคำ. (2546). การใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านล้านนาเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. สารนิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาไทย, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ธนวรรณ เอนก. (2565). การลดพฤติกรรมความขัดแย้งด้วยการจัดกิจกรรมบูรณาการการเล่านิทานและการจำลองสถานการณ์ในเด็กปฐมวัย. วารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์. 17 (1), 159-172.
ปัทมา บรรเทิงจิต. (2548). การศึกษาทักษะทางสังคมด้านการเล่นกับเพื่อนของเด็กออทิสติกโดยการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านของไทยประกอบกับการสื่อด้วยภาพ. สารนิพนธ์ศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พีรวัฒน์ ชลเจริญ. (2557). ผลของการจัดกิจกรรมพละศึกษาโดยใช้เกมการละเล่นพื้นบ้านอาเซียนที่มีต่อความฉลาดทางอารมณ์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและพละศึกษา: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
รสสุคนธ์ เนาวบุตร. (2557. แนวทางการจัดการศึกษาเรียนร่วมพหุวัฒนธรรม:กรณีศึกษาชุมชนบ้านป่าละอูอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษา, มหาวิทยาลัยศิลปากร
วรพรรณ กระต่ายทอง. (2559). การพัฒนาหลักสูตรเสริมเพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมสำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมของนักศึกษา. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ.2561. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: บริษัท 21 เซ็นจูรี่ จำกัด.
สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์. (2559). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้คุณลักษณะความกตัญญููของเด็กปฐมวัย. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 17 (2), 1-12.
อมรรักษ์ สวนชูผล. (2560). การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตจังหวัดปทุมธานี. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 12 (2), 145-157.
อมรวิชช์ นาครทรรพ. (2549). สันติวัฒนธรรมสันติในตน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อังศุธร อังคะนิต. (2557). ผลของการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาการละเล่นพื้นบ้านที่ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีต่อทักษะทางสังคมของเด็กในชุมชน. วารสารการศึกษาออนไลน์. 9 (4), 27-40.
Aldridge, J., Calhoun, C. & Aman, R. (2000). 15 Misconceptions About Multicultural Education. Elementary, 12(3) 1-6.
Erikson, E. (1950). Young Man Luther: A study in Psychoanalysis and history. New York: Norton.
Frederic, F. (1852). Britannica Concise Encyclopedia; Friedrich Wilhelm August Froebel. Retrieved from http://www.answers.com/topic/friedrich-wilhelm-august-fr-bel.
Klein, T.E. (1992). Teaching Tolerance, Prejudice Awareness and Reduction in Secondary Schools. A thesis presented to the Faculty of the Dominican College Department of Education, California, May.
Kunzman, R. (2003). Religion, Ethics and the Implications for Moral Education: A Critique of Nucci's Morality and Religious Rules. Journal of Moral Education, 32(3), 251–261.
Mitchell, M. B., & Salsbury, E. R. (1999). Encyclopedia of multicultural education. British: Greenwood.
Shaffer, D. (1999). Developmental Psychology: Childhood & Adolescence. 5th edition. Pacific Grove: Brooks/Cole.
Vygotsky, L. S. (1978). Mind in society: The development of higher psychological processes. M. Cole, V. John-Steiner, S. Scribner, & E. Souberman (Eds.). Cambridge, MA: Harvard University Press.
Wilson, J.E. (2006). Investigating the Influence of Anti-racist Education in Achieving Prejudice Reduction Among Secondary Education Students. Retrieved from: http://proquest.umi.com.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Netrada Nueangnoi, Chalatip Samahito, Piyanan Hirunchalothorn

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





