ผลการฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือด้วยเครื่อง EYE – HAND COORDINATION TRAINER กับลูกบอล REACTION ที่มีต่อเวลาปฏิกิริยาตอบสนองในนักกีฬาแฮนด์บอล

ผู้แต่ง

  • ลภัส ชูแทน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี https://orcid.org/0009-0007-1597-5758
  • นรินทร์ อนันตกลิ่น คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเชียงใหม่ https://orcid.org/0009-0006-6922-6261

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2023.171

คำสำคัญ:

ผลการฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ; , ปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือ

บทคัดย่อ

ในปัจจุบันนี้การฝึกกีฬาที่จะได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ผู้ฝึกสอนและนักกีฬาจำเป็นต้องพยายามค้นคว้าและศึกษาหากลวิธีการฝึกหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้า มาใช้ประกอบการฝึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถให้กับนักกีฬา จึงจะทำให้นักกีฬาผู้นั้นประสบความสำเร็จในการแข่งขันได้
โดยการนำอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการฝึกและทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือสำเร็จรูปมาใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันสามารถนำมาใช้ในการฝึกและทดสอบกับนักกีฬาแฮนด์บอล การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการฝึกหาค่าความแตกต่างระหว่างกลุ่มและหาค่าความแตกต่างภายในกลุ่มของการฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ ด้วยเครื่อง EYE - HAND COORDINATION TRAINER กับลูกบอล Reaction ที่มีผลต่อเวลาปฏิกิริยาตอบสนองในนักกีฬาแฮนด์บอล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปและที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยได้ศึกษาตามหลักการฝึกเพื่อพัฒนาเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้ฝึกกีฬาในการตรวจคุณภาพเรียบร้อยแล้วประกอบด้วย โปรแกรมการฝึกแฮนด์บอล โปรแกรมการฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ โดยเครื่อง EYE – HAND COORDINATION TRAINER โปรแกรมการฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือโดยลูกบอล Reaction และแบบทดสอบเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือ กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักกีฬาแฮนด์บอล มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเชียงใหม่ ประจำปีการศึกษา 2565 เป็นเพศชาย จำนวน 18 คน เพศหญิง จำนวน 13 คน อายุระหว่าง 18 - 25 ปี การวิเคราะห์ข้อมูลการทดสอบความแตกต่างของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือ ของทั้ง 2 กลุ่มก่อนการทดลอง โดยวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ (1) ผลของการตอบสนองความแตกต่างค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือของกลุ่มทดลองกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ก่อนการทดลอง ไม่มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 (2) ผลต่างค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือของกลุ่มทดลองที่ 1 (ฝึกด้วยเครื่อง EYE-HAND COORDINATION TRAINER) ระหว่างก่อนการทดลองกับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 แตกต่างกันเท่ากับ 0.121 วินาที, ระหว่างก่อนการทดลองกับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 6 แตกต่างกันเท่ากับ 0.205 วินาที และ ระหว่างหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 กับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 6 แตกต่างกันเท่ากับ 0.084 วินาที ซึ่งค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 (3) ผลต่างค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือของกลุ่มทดลองที่ 2 (ฝึกด้วยลูกบอล REACTION) ระหว่างก่อนการทดลองกับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 แตกต่างกันเท่ากับ 0.121 วินาที ,ระหว่างก่อนการทดลองกับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 6 แตกต่างกันเท่ากับ 0.205 วินาที และระหว่างหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 กับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 6 แตกต่างกันเท่ากับ 0.084 วินาที ซึ่งค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 (4) ค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือก่อนการทดลองระหว่างกลุ่มทดลองที่ 1 (ฝึกด้วยเครื่อง EYE-HAND COORDINATION TRAINER) และกลุ่มทดลองที่ 2 (ฝึกด้วยลูกบอล REACTION) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แสดงว่า ค่าเฉลี่ยเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือ มีค่าใกล้เคียงกันทำให้ไม่มีผลกระทบกับการทดลอง (5) ค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 ระหว่างกลุ่มทดลองที่ 1 (ฝึกด้วยเครื่อง EYE-HAND COORDINATION TRAINER) และกลุ่มทดลองที่ 2 (ฝึกด้วยลูกบอล REACTION) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แสดงว่า ค่าเฉลี่ยเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือ มีค่าใกล้เคียงกันทำให้ไม่มีผลกระทบกับการทดลอง (6) ค่าเฉลี่ยของเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 6 (ฝึกด้วยลูกบอล REACTION) ระหว่างกลุ่มทดลองที่ 1 และกลุ่มทดลองที่ 2 ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แสดงว่า ค่าเฉลี่ยเวลาปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างตากับมือ มีค่าใกล้เคียงกันทำให้ไม่มีผลกระทบกับการทดลอง

เอกสารอ้างอิง

กรมพลศึกษา. (2552). คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาแฮนด์บอล T-Licence. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณืการเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด,

ณัฐวุฒิ ไวโรจนานันต์ และชาญชัย ขันติศิริ. (2559). การสร้างเครื่องทดสอบเวลาปฏิกิริยาการตอบสนองของการทำงานระหว่างตากับการเคลื่อนไหวของร่างกายไปยังตำแหน่งเป้าหมาย เพื่อใช้ในกีฬาแบดมินตัน. วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์. 31 (3), 165-174.

นิลาวัลย์ สวนสมุทร. (2541). เวลาปฏิกิริยาในการจับคฑาของนักเรียนชั้นประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.

ราตรี สินธุนาวา และคณะ. (2535). ความสัมพันธ์ระหว่างเวลาปฏิกิริยาตอบสนองของมือและเท้า ความเร็วและความอดทนของกล้ามเนื้อกับผลของการแข่งขันของนักมวยสากลในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2535. กรุงเทพฯ: ไทยมิตรการพิมพ์.

Beehler, P.H. (1986). Stimulus Intensity and Experimental Design Effect upon Motor Response Processing. Dis. Abstr. In. 47: 2924-A.

Brown, T.P. (1972). Effect of three Intensity Levels of Warm up on the Reaction Time and Speed of Movement in Baseball Swing. Dis. Abstr. In. 54: 2511-A.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-06-08

รูปแบบการอ้างอิง

ชูแทน ล. ., & อนันตกลิ่น น. . (2023). ผลการฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือด้วยเครื่อง EYE – HAND COORDINATION TRAINER กับลูกบอล REACTION ที่มีต่อเวลาปฏิกิริยาตอบสนองในนักกีฬาแฮนด์บอล. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(3), 909–924. https://doi.org/10.14456/iarj.2023.171

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ