การพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านคอพรุ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.105คำสำคัญ:
การบริหารแบบมีส่วนร่วม; , การเสริมสร้างสมรรถนะครู; , การจัดการเรียนรู้เชิงรุกบทคัดย่อ
การบริหารแบบมีส่วนร่วม นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา เพราะถ้ากิจกรรมทุกกิจกรรมขาดความร่วมมือแล้วนั้นก็จะไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารแบบมีส่วนร่วมยังมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนในองค์กรเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดการขององค์กร ให้เกิดความสามัคคีภายในองค์กรช่วยเหลือซึ่งกันและกันซึ่งจะทำให้องค์กรเกิดการพัฒนา เพิ่มศักยภาพในการทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นการพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านคอพรุ และ2) สร้างรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านคอพรุ เป็นการวิจัยและพัฒนา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถาม แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ PNI ดัชนีความต้องการจำเป็น ผลการวิจัย พบว่า (1) การศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นการสร้างรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านคอพรุ พบว่า สภาพปัจจุบันโดยรวมอยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วม มีระดับปฏิบัติสูงกว่าด้านอื่นๆ รองลงมา ได้แก่ ด้านการเสริมสร้างสมรรถนะครู และด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ตามลำดับ สภาพที่พึงประสงค์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการเสริมสร้างสมรรถนะครู มีระดับปฏิบัติสูงกว่าด้าน อื่น ๆ รองลงมา คือ ด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วม และด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาความต้องการจำเป็นจากการหาค่า PNI รายข้อ พบว่า การวางแผนกำหนดเป้าหมายร่วมกัน มีค่า PNI สูงกว่าข้ออื่น ๆ (PNI = 2.36) รองลงมาคือ การลงมือปฏิบัติและกำกับติดตาม (PNI = 2.35) และการประเมินเสริมกำลังใจ (PNI = 2.24) ตามลำดับ (2) ผลการสร้างรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านคอพรุ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ดังนี้ (A) หลักการ (B) วัตถุประสงค์ (C) เนื้อหา (D) กระบวนการ และ (F) การวัดและประเมินผล ได้รูปการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านคอพรุ คือ SCOEE MODEL ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 วางแผนกำหนดเป้าหมายร่วมกัน (S : Setting Cooperative Planning) ขั้นที่ 2 สร้างการับรู้สู่การปฏิบัติ (C : Creating Awareness into Action) ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติและกำกับติดตาม (O : Operating and Monitoring) ขั้นที่ 4 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ปรับปรุงพัฒนา (E : Exchange Knowledge for Improvement and Development ) ขั้นที่ 5 ประเมินและเสริมกำลังใจ ( E : Evaluation and Appraisal Encouragement) และผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบ การบริหารแบบมีส่วนร่วมจากการสัมมนาอิงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Connoisseurship) ผู้ทรงคุณวุฒิมีความคิดเห็นว่าความเหมาะสม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และความเป็นไปได้ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
เกษมสิงห์ เฟื่องฟู. (2551). การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion). Retrieved August 26, 2021, from: http://www.nb2.go.th/kmcdata/uploadq/120.ppt.
จุฑามาศ แจ่มมี. (2564). แนวทางการพัฒนาการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
ดาราวรรณ วรรณสุข. (2563). การมีส่วนร่วมของครูในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2553). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพฯ.
ภิญญาพัชญ์ กาวินคำ. (2561). การพัฒนาสมรรถนะครูผู้สอนในโรงเรียนขนาดเล็กในเขตพื้นที่ตำบลเวียงชัย. วารสารวิจัยกาสะลอคำ, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. 11 (3), 19-34.
วัชรา เล่าเรียนดี. (2553). การนิเทศการสอน (Supervision of Instruction). พิมพ์ครั้งที่ 5. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). สภาวะการศึกษาไทยปี 2558/2559 แนวทางการปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2561). สภาวะการศึกษาไทยปี 2559/2560 แนวทางการปฏิรูปการศึกษาไทยเพื่อก้าวสู่ยุค Thailand 4.0. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สุปวีณ์ ชูรัศมี. (2564). การมีส่วนร่วมของครูในการจัดดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในกลุ่มโรงเรียนปู่เจ้าสมิงพราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยพะเยา.
Mckinney, S. E. (2008). Developing teachers for high-poverty schools: The role of the internship experience. Urban Education. 43(1), 68-82. Retrieved from: http://www.eric.ed.gor.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สมใจ บุญประดิษฐ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





