ความพร้อมทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.104คำสำคัญ:
ความพร้อม; , ความพร้อมทางการเรียน; , นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1บทคัดย่อ
การศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมีความแตกต่างจากระดับประถมศึกษาทั้งในด้านเวลาเรียน เนื้อหา จุดมุ่งเน้นที่ผู้เรียนจะได้เมื่อจบการศึกษา ตลอดจนการตัดสินผลการเรียน ทำให้นักเรียนที่เริ่มเข้าเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาต้องมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เนื่องจากการเริ่มต้นใหม่เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะการเริ่มต้นใหม่จากระดับประถมศึกษาไปสู่ระดับมัธยมศึกษา มีงานวิจัยจำนวนหนึ่งที่กล่าวว่า ความพร้อมทางการเรียนมีผลต่อความสำเร็จทางการเรียน หรือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และยังมีผลการวิจัยที่พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนยังมีความแตกต่างกันระหว่างนักเรียนชายและนักเรียนหญิง ดังนั้นหากความพร้อมทางการเรียนมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งน่าจะมีความเป็นไปได้ว่าความพร้อมทางการเรียนน่าจะแตกต่างกันระหว่างนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงด้วยเช่นกัน บทความวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความพร้อมทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบความพร้อมทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างเพศชายและเพศหญิง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,623 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามความพร้อมทางการเรียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ MANOVA สรุปผลการวิจัยพบว่า 1) ความพร้อมด้านร่างกายมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 39.53 คิดเป็นร้อยละ 65.88 ความพร้อมด้านพื้นฐานความรู้เดิมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 คิดเป็นร้อยละ 84.88 ความพร้อมด้านอารมณ์และจิตใจมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 10.34 คิดเป็นร้อยละ 73.85 ความพร้อมด้านพฤติกรรมการเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 7.00 คิดเป็นร้อยละ 70.00 ความพร้อมจากความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูผู้สอนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 6.21 คิดเป็นร้อยละ 56.45 ความพร้อมจากความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 9.24 คิดเป็นร้อยละ 71.08 และความพร้อมจากความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครอบครัวมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 12.40 คิดเป็นร้อยละ 77.50 และ 2) ความพร้อมทางการเรียนในภาพรวมระหว่างเพศชายและเพศหญิงมีความแตกต่างกันทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 โดยมีความแตกต่างกันในด้าน ความพร้อมด้านร่างกาย ความพร้อมด้านพื้นฐานความรู้เดิม ความพร้อมด้านอารมณ์และจิตใจ ความพร้อมด้านพฤติกรรมการเรียน ความพร้อมจากความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน และความพร้อมจากความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครอบครัว ส่วนด้านความพร้อมจากความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูไม่พบความแตกต่าง
เอกสารอ้างอิง
โชติกา เศรษฐธัญการ. (2562). การศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาระหว่างเพศหญิงกับเพศชายที่สะท้อนให้เห็นภาพพจน์ทางเพศ. วารสารมังรายสาร, 7(2), 17-31.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ปนัฐษรณ์ จารุชัยนิวัฒน์. (2560). การส่งเสริมความพร้อมทางการเรียน: รอยเชื่อมต่อที่ราบรื่นจากชั้นอนุบาลสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วารสารครุศาสตร์, 45 (2), 152-169.
สถาบันกวดวิชาเดอะเบรน. (2564). สอบเข้า ม.1 จากประถมสู่มัธยม การเปลี่ยนผ่านสำคัญของวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่. Retrieved January 22, 2021, from: https://www.webythebrain.com/category/article.
สุวิมล ติรกานันท์. (2557). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์ : แนวทางสู่การปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Amurdawati, G. (2020). Analysis on students’ learning readiness in junior high schools of pangkalpinang, bangka belitung. Universal Journal of Educational Research, 8(9), 3807-3813.
Anggresta, V., Vhalery, R. & Maya, S. (2020). The effect of learning readiness and climate classroom toward students’ learning activeness. ECONOMICA Journal Program Sduti Pendidikan Ekonomi STKIP PGRI Sumatera Barat, 8(2), 102-109.
Chorrojprasertl, L. (2020). Learner readiness-why and how should they be ready? Language Education and Acquisition Research Network Journal, 13(1), 268-274.
Dangol, R. & Shrestha, M. (2021). Contribution of gender on learning readiness among school students of Nepal. Journal of Curriculum Studies Research, 3(2), 19-36.
Dangol, R. (2019). Learning readiness and educational achievement among school students. The International Journal of Indian Psychology, 7(2), 467-476.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
The National Center on Parent, Family and Communication Engagement. (2016). Family Engagement and School Readiness. The National Center on Parent, Family, and Community Engagement.
UNICEF. (2012). School Readiness: A Conceptual Framework. New York. United Nations Children’s Fund. New York.
Voyles, M. J. (2011). Student academic success as related to student age and gender. A Dissertation Submitted to the Faculty of the University of Tennessee at Chattanooga.
Wood, Martha M. (2007). Learning readiness. southeastern center for the Enhancement of Learning, University System of Georgia. EURASIA Journal of Mathematics, Science and Technology Education, 16(10), 1-9.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 จุฑามาศ เอี่ยมเกตุ, สุวิมล ติรกานันท์, กมลทิพย์ ศรีหาเศษ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





