การเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่าง การจัดการเรียนรู้โดยใช้วงจรวรรณกรรมและการจัดการเรียนรู้แบบปกติ
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.96คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้; , วงจรวรรณกรรม; , ความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์; , นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5; , การจัดการเรียนรู้แบบปกติบทคัดย่อ
ความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ถือว่าเป็นทักษะสำคัญสำหรับนักเรียนในยุคปัจจุบัน แต่เมื่อพิจารณาผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (O – NET) พบว่านักเรียนมีคะแนนไม่เป็นไปตาม ที่สถานศึกษากำหนด ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นถึงปัญหา และนำการจัดการเรียนรู้โดยใช้วงจรวรรณกรรม มาใช้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียน การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้วงจรวรรณกรรม และการจัดการเรียนรู้ แบบปกติ (2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียน ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้วงจรวรรณกรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายประถม) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 2 ห้อง จำนวน 60 คน ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เพื่อเลือก 1 ห้องเป็นกลุ่มทดลอง และ 1 ห้องเป็นกลุ่มควบคุม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้เก็บรวมรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ซึ่งเป็นแบบทดสอบคู่ขนาน และเครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วงจรวรรณกรรม จำนวน 5 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวม 5 คาบ และแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบปกติ จำนวน 5 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวม 5 คาบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่ามัชฌิมาเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ทดสอบค่า t (t-test) ผลการวิจัยสรุปได้ว่า (1) ความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้วงจรวรรณกรรม หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) ความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้วงจรวรรณกรรม สูงกว่าของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
นฤมล ตันติชาติ. (2556). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษด้วยวงจรวรรณกรรมเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สถาบันการทดสอบแห่งชาติ. (2564). ประกาศและรายงานผลสอบโอเน็ต. Retrieved on October 4, 2021, from: http://www.newonetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/Login.aspx
Ananda, J. (2022). USING LITERATURE CIRCLES STRATEGY IN TEACHING READING COMPREHENSION. Journal of English Language Learning (JELL), 2 (1), 7- 15.
Daniels, H. (2002). Literature circles: Voice and choice in book clubs and reading groups. 2nd edition. Portland, ME: Stenhouse.
Levy, R. J. (2011). Literature circles go to college. Journal of Basic Writing (CUNY), 30(2),53-83.
Huljanah, M. (2022). The Effect of Using Literature Circle Strategy on Student’s English Reading Comprehension. Diploma thesis, UIN Fatmawati Sukarno Bengkulu.
Saskatoon Public School. (2012). What are Literature Circles?. Accessed on October 30, 2021. Retrieved from: http://olc.spsd.sk.ca/de/pd/instr/strats/literaturecircles/index.htm
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 ศรัณย์ ขนอม, เด่นดาว ชลวิทย์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





