ความคาดหวังของครูผู้สอนต่อภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรา
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.49คำสำคัญ:
ความคาดหวัง;, ภาวะผู้นำทางวิชาการ;, ครูผู้สอน; , ผู้บริหารสถานศึกษาบทคัดย่อ
การปฏิรูปการศึกษาอาชีวศึกษานั้นมีจุดมุ่งหมายในการจัดการศึกษาในสายอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพ ผู้เรียนมีศักยภาพตามที่สถานประกอบการคาดหวัง ซึ่งการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพนั้นต้องเริ่มมาจากการบริหารสถานศึกษาที่มีคุณภาพ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีได้เต็มตามศักยภาพ ดังนั้นผู้บริหาร ต้องมีความรู้ความชำนาญในเรื่องต่างๆ เป็นที่ปรึกษา ทำงานร่วมกับครู กระตุ้นครูให้คำแนะนำครู และประสานงานให้ครูทุกคนทำงานร่วมมือกันด้วย มีทักษะในการสื่อสาร ถ่ายทอด มีเทคนิควิธีที่มีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาเกิดประสิทธิผลสูงสุด การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความคาดหวังของครูผู้สอนต่อภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรา และ (2) เปรียบเทียบระดับความคาดหวังของครูผู้สอนต่อภาวะผู้นำทางวิชาการ กลุ่มตัวอย่างที่วิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ บุคลากรในสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 229 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน F-test และ t-test ผลการวิจัย พบว่า (1) ความคาดหวังของครูผู้สอนต่อภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยรวมอยู่ในระดับมาก และ (2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความคาดหวังของครูผู้สอนต่อภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งโดยภาพรวมรายด้านและรายข้อ จำแนกตามเพศ อายุ และวุฒิการศึกษา พบว่า (ก) จำแนกตาม เพศโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน (ข) จำแนกตาม อายุ โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน และ (ค) จำแนกตาม วุฒิการศึกษา โดยรวมไม่แตกต่างกัน แต่แตกต่างกันในด้านองค์ความรู้ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
เอกสารอ้างอิง
เกตุสุดา กิ้งการจร. (2560). ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 สระบุรี. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
กมลชนก ธงทอง. (2564). ภาวะผู้นำทางวิชาการ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
ณพัฐธิกา ปิติเลิศศิริกุล และนิรุทธิ์ นันทมาศวังนรา. (2565). ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา โรงเรียนกลุ่มบันนังสตาสังกัดสำนักเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2. วารสารรัชต์ภาคย์, 15(39),137-148.
ณัฐสิฏ รักษ์เกียรติวงศ์. (2558). การปฏิรูปอาชีวศึกษาของประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย.
ธนพัฒน์ ลิ้มไพบูลย์. (2565). ภาวะผู้นำทางวิชาการในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุรี. Journal of Roi Kaensarn Academi. 7(1), 36-48.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
รวิภา ศรีวัตร. (2564). แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2. วารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์. 7(2), 39-51.
สกุณา โพกระสังข์. (2565). ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนในจังหวัดศรีสะเกษ.วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. 9(1), 453-462.
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฉะเชิงเทรา. (2565). ข้อมูลบุคลากรของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฉะเชิงเทรา. ฉะเชิงเทรา : สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฉะเชิงเทรา.
Glickman, D. (2007). Supervision and instructional Leadership: A developmental approach. 7th edition. Boston: Pearson international ed.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 ศรีโสภา คูประพัทธ์พงศ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





