ยุทธศาสตร์การบริหารคณะสงฆ์ สังกัดมหานิกายหนตะวันออก ภาค 9

ผู้แต่ง

  • พระอัชยา ฉฺนทสุโภ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://orcid.org/0000-0003-4474-8953
  • จำเนียร พลหาญ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://orcid.org/0000-0002-7560-5173

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2023.7

คำสำคัญ:

ยุทธศาสตร์; , การบริหารคณะสงฆ์; , มหานิกายภาคตะวันออก ภาค9

บทคัดย่อ

พระพุทธศาสนานับเป็นมรดกล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองไทย เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ทำให้เกิดเอกภาพและความมั่นคงในชาติ การบริหารของคณะสงฆ์ในประเทศไทยในยุคปัจจุบันมีโครงสร้างการบริหารองค์กรคณะสงฆ์แบ่งออกเป็น (1) ผู้บัญชาการซึ่งมีสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประมุขสงฆ์และเป็นผู้บัญชาการสูงสุด และ (2) องค์กรปกครองส่วนกลางซึ่งมหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดทางการบริหาร การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ในการบริหารคณะสงฆ์ สังกัดมหานิกายหนตะวันออก ภาค 9 และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางยุทธศาสตร์การบริหารคณะสงฆ์ สังกัดมหานิกายหนตะวันออก ภาค 9 วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 ประชากรได้แก่ เจ้าคณะอำเภอ สังกัดพุทธนิกาย หนตะวันออก ภาค 9 จำนวน 77 รูป และเจ้าคณะตำบลจำนวน 406 รูป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารคณะสงฆ์ สังกัดมหานิกายหนตะวันออก ภาค 9 ระยะที่ 2 ดำเนินการวิจัย 3 ขั้นตอน คือการประชุมเชิงปฏิบัติการ การประชุมสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ และการประชาพิจารณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ระยะที่ 1 ระดับสภาพปัจจุบันในการบริหารคณะสงฆ์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และระดับสภาพที่พึงประสงค์ในการบริหารคณะสงฆ์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดผลการประเมินเรียงจากลำดับมากไปหาน้อยของสภาพปัจจุบันตามลำดับ คือ ด้านการศาสนศึกษา ด้านการปกครอง ด้านการศึกษาสงเคราะห์ด้านการเผยแผ่ด้านการสาธารณูปการและด้านการสาธารณสงเคราะห์ ตามลำดับ และผลการประเมินของสภาพที่พึงประสงค์ เรียงจากลำดับมากไปหาน้อย คือ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ด้านการปกครองด้านการศาสนศึกษาด้านการสาธารณูปการด้านการเผยแผ่และด้านการสาธารณสงเคราะห์ ระยะที่ 2 ข้อเสนอยุทธศาสตร์การบริหารคณะสงฆ์ สังกัดมหานิกายหนตะวันออก ภาค 9 ได้แก่ 1) การพัฒนาองค์ความรู้ 2) การประชาสัมพันธ์เชิงรุก 3) ยกระดับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย 4) การส่งเสริมด้านการศึกษาอย่างเป็นระบบ และ 5. พัฒนาระบบการมีส่วนร่วมกับชุมชน

เอกสารอ้างอิง

กรมการศาสนา, กระทรวงวัฒนธรรม. (2562). ประวัติความเป็นมา ของพระพุทธศาสนา และองค์การศาสนาต่าง ๆ ในประเทศไทย. Retrieved on November 1, 2019 from http://sys.dra.go.th/

ประกิต บุญมี และคณะ. (2559). การบริหารกิจการคณะสงฆ์: ศึกษากรณีเขตการปกครองคณะสงฆ์ ตำบลท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร. คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.

พระครูปลัดกิตติวัฒน์ (คชา ปญฺาธโร). (2554). การบริหารจัดการวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พระพุทธศาสนา): มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระครูรัตนญาณวิมล (มนตรี รตนญาโณ). (2556). การบริหารกิจการคณะสงฆ์ในเขตอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา) : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระครูสังฆรักษ์เกียรติศักดิ์ กิตฺติปัญญโญ. (2560). กลยุทธ์การบริหารองค์กรสงฆ์ที่เข้มแข็งในยุคโลกาภิวัตน์. วารสาร มจร สังคมศาสตร์บริทรรศน์. 7 (1), 99-115.

พระธวัชชัย จารุธมฺโม (ศรีสุข). (2554). ประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ : กรณีศึกษาวัดใน อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์): บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระมหานพดล นวคุโณ (ถ่อนสันเทียะ). (2560). รูปแบบการบริหารกิจการคณะสงฆ์สู่ความเป็นเลิศของพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์. 13 (3), มิถุนายน 2560.

พระอนุชา ธมฺมวโร (วงษ์ประพันธ์). (2556). ประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของวัดในอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พีรัชชัย วีระสุนทร. (2551). กฎหมายว่าด้วยการปกครองคณะสงฆ์ไทย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยอัชสัมชัญ.

ไพศาล วรคำ. (2555). การวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 5. มหาสารคาม : ตักสิลาการพิมพ์.

สุวัฒสัน รักขันโท. (2558). รูปแบบภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์เพื่อการบริหารกิจการคณะสงฆ์. ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาวะผู้นำและนวัตกรรมทางการศึกษา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-01-11

รูปแบบการอ้างอิง

ฉฺนทสุโภ พ. ., & พลหาญ จ. . (2023). ยุทธศาสตร์การบริหารคณะสงฆ์ สังกัดมหานิกายหนตะวันออก ภาค 9. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(1), 101–112. https://doi.org/10.14456/iarj.2023.7

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ