การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2022.160คำสำคัญ:
การพัฒนาคุณภาพชีวิต; , ผู้สูงอายุ; , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบทคัดย่อ
สถานการณ์ของผู้สูงอายุกลุ่มเฉพาะในประเทศไทยที่จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ เช่น อยู่ในสภาวะพึ่งพิง,ถูกทอดทิ้ง,ไร้บ้าน,ไร้สิทธิหรือมีปัญหาสถานะบุคคล,ย้ายถิ่นย้อนกลับ,มีความหลากหลายทางเพศ ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ (1) ศึกษาระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ (3) เพื่อสร้างและยืนยันรูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วิธีการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การศึกษาระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะที่ 2 การสร้างรูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะที่ 3 การยืนยันรูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มตัวอย่างและผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 400 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบระดับชั้น และสุ่มอย่างง่ายผู้ทรงคุณวุฒิที่ทำงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ จำนวน 10 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ จำนวน 5 คน ใช้การสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามเชิงปริมาณ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.996 แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม และแบบสอบถามยืนยันรูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการวิจัยพบว่า (1) คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาตามองค์ประกอบคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายด้าน พบว่า คุณภาพชีวิตด้านสังคม คุณภาพชีวิตด้านสิ่งแวดล้อม และ คุณภาพชีวิตด้านจิตใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ตามลำดับ คุณภาพชีวิตด้านร่างกาย อยู่ในระดับมาก (2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ปัจจัยด้านบุคคล ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้านการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม ปัจจัยด้านความพึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ และปัจจัยด้านการให้คุณค่าในตนเอง และผลการวิเคราะห์โมเดลความสัมพันธ์โครงสร้างของปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า ค่าไค-สแควร์ ( )=16.074 ชั้นแห่งความเป็นอิสระ (df)=15 มีค่าระดับนัยสำคัญทางสถิติเข้าใกล้ 1 (p=0.377) ค่า =1.072 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 2.00 นั่นหมายความว่าโมเดลสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ดี และนอกจากนี้ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) =0.992 ค่าดัชนีความสอดคล้องสัมพันธ์ (NFI)=0.996 ดัชนีที่แสดงการยอมรับของโมเดล (TLI)=0.999 ซึ่งระดับการยอมรับได้ควรมีค่ามากกว่า 0.95 และในส่วนค่า RMSEA=0.013 ค่า RMR=0.010 ซึ่งน้อยกว่า 0.05 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี (3) รูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ดังนี้ (ก) ผู้สูงอายุควรดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพอนามัยของตนเองและฝึกฝนเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ (ข) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควรจัดกิจกรรมให้ผู้สูงอายุรู้จักดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของตนเองอยู่เสมอ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเรื่องยารักษาโรคให้กับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว (ค) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดโครงการอบรมส่งเสริมอาชีพให้กับผู้สูงอายุและจัดหาสถานที่กระจายสินค้าให้กับผู้สูงอายุ (ง) หน่วยงานของรัฐควรเพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในแต่ละเดือนและส่งเสริมค่านิยมเก่าของไทยที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ การเคารพผู้ใหญ่ (จ) สภาวัฒนธรรมตำบลควรจัดกิจกรรมตามประเพณีของแต่ละพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่กลับมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับศิลปวัฒนธรรมของตนเอง และกลับมายังถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองและได้มาดูแลผู้สูงอายุที่เฝ้ารออยู่ที่บ้านเป็นครั้งคราว และ (ฉ) ชุมชนควรกิจกรรมซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุที่มีสภาพไม่เอื้อยอำนวยต่อการอยู่อาศัย เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้แสดงความรู้สึก แสดงความสามารถ ยอมรับว่าผู้สูงอายุคือผู้ที่มีประสบการณ์
เอกสารอ้างอิง
จิรัชยา เคล้าดี และคณะ. (2560). ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในจังหวัดนครศรีธรรมราช. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ: คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันรัชต์ภาคย์.
ปฐมพงศ์ เปรินทร์. (2561). กลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา. 12(1),179 – 191.
พงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์,ฤๅเดช เกิดวิชัยและณัฐพงษ์ เตชะรัตนเสฏฐ์. (2563). รูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนจังหวัดแพร่. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์มจร. 8(4), 1492-1505.
พรสรรค์ ปิยนันทิศักดิ์. (2563). รูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยชุมชนในจังหวัดขอนแก่น. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 7 (2), 209-226.
เพียร เป็นพร้อม, วัชรินทร์ สุทธิศัย และสมเกียรติ เกียรติเจริญ. (2563). รูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเชิงนโยบายสาธารณะกรณีศึกษาจังหวัดสุรินทร์. วารสารการเมืองการปกครอง. 10(3),139-154.
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ. (2565). รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2565. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย.
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2563). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2563 = Situation of the Thai Elderly 2020/มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.). กรุงเทพฯ : มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย.
รังสรรค์ สิงหเลิศ. (2551). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2564). สถิติผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2564. กรุงเทพฯ : สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
โสภา ขันทะเสน, อรุณ รักธรรม, อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ, และเพ็ญศรี ฉิรินัง. (2565). รูปแบบในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร โดยสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. 12(1), 58-72.
อภินันท์ สนน้อย, ปิยาภรณ์ ศิริภานุมาศ และ สุรชัย ปิยานุกูล. (2559). รูปแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ในจังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. 8(2), 153-169.
Yamane, T., (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 3rd Ed. New York: Harper and Row Publications.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 Arthit Borihan , Yupaporn Yupass, Phakdee Phosing

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





