ปัญหาของวุฒิสมาชิกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

ผู้แต่ง

  • ศิริวดี วิวิธคุณากร หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต โครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0002-0842-7709
  • สุขสมัย สุทธิบดี หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต โครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0003-3148-8283
  • ทวีพฤทธ์ ศิริศักดิ์บรรจง หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต โครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0003-1108-8098

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2023.51

คำสำคัญ:

วุฒิสมาชิก;, รัฐธรรมนูญ; , ราชอาณาจักรไทย

บทคัดย่อ

ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาที่เกิดจากวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภามาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน การกำหนดวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยยังไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ ย่อมส่งผลให้ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการมีวุฒิสภาของไทยอย่างแท้จริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบตรวจสอบถ่วงดุล ภาพลักษณ์ความเป็นประชาธิปไตย และเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดของประเทศไทย รัฐธรรมนูญฉบับนี้สะท้อนภาพการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมตามมาตรา 2 และมาตรา 3 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด และหลักการนี้ดำเนินต่อเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้า และฝ่ายนิติบัญญัติที่มี 2 สภา คือสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา แต่ด้วยเหตุผลความจำเป็นหลายประการที่ปรากฏในอารัมภบทรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เช่น การทุจริตฉ้อฉล การบิดเบือนอำนาจ การขาดความตระหนักสํานึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน การเมืองการปกครองที่ยังไม่เหมาะสมแก่สภาวการณ์บ้านเมือง เป็นต้น ทั้งหมดนี้ส่งผลให้วุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีที่มาจากการสรรหาไม่ใช่การเลือกตั้งจากประชาชน ประชาชนจึงปราศจากการมีส่วนร่วมและไม่มีอำนาจกำหนดชะตากรรมของตนเอง รวมทั้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังกำหนดอำนาจแก่วุฒิสภาที่แตกต่างจากรัฐธรรมนูญของประเทศไทยฉบับอื่นๆ อาทิ วุฒิสภามีอำนาจลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ทั้งหมดนี้จึงส่งผลกระทบต่อทั้งหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ซึ่งทั้งสองเป็นแก่นหลักในรัฐธรรมนูญ ผู้วิจัยจึงขอนำเสนอประเด็นการศึกษาต่อไปนี้ ทั้งนี้เพื่อจะได้นำมาวิเคราะห์เพื่อปรับใช้กับประเทศไทย ให้มีวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาที่มีความเหมาะสม สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่และเจตนารมณ์ของการมีวุฒิสภาของไทย บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอปัญหาของวุฒิสมาชิกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีวัตถุประสงค์ดังนี้ เพื่อศึกษาแนวคิดพื้นฐาน แนวคิดทฤษฎีในรัฐธรรมนูญ และความจำเป็นของการมีวุฒิสภา เพื่อศึกษาปัญหาที่มาวุฒิสภา และอำนาจหน้าที่วุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี พุทธศักราช 2560 เพื่อศึกษาปัญหาที่มา อำนาจหน้าที่ของวุฒิสมาชิก ของกลุ่มที่เลือกศึกษา ซึ่งประเทศดังกล่าวประกอบด้วยสหราชอาณาจักร ประเทศญี่ปุ่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ประเทศเยอรมนี และประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไข เรื่องที่มาและอำนาจหน้าที่วุฒิสมาชิกของประเทศไทย ผลการวิจัย เมื่อพิจารณาในส่วนของประเทศไทยแล้วจึงเห็นได้ว่าการกำหนดให้สมาชิกวุฒิ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอาศัยวิธีการได้มาโดยการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับประชาชนเลยนั้น ย่อมขัดต่อหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยและสวนทางกับการพัฒนาประชาธิปไตยตามหลักสากล

เอกสารอ้างอิง

เกียงไกร รอบรู้ (2557). กฎหมายรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพฯ: บริษัท วี พริ้นท์ (1991) จำกัด.

คณิน บุญสุวรรณ. (2556). ประวัติรัฐธรรมนูญไทย. กรุงเทพฯ: บริษัท เอมี่ เอ็นเตอร์ไพรส์จำกัด.

ชาญชัย แสวงศักดิ์ (2557). กฎหมายรัฐธรรมนูญ : แนวคิดและประสบการณ์ของต่างประเทศ.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เดือนตุลา.

ณัฐกร วิทิตานนท์ (2557). หลักรัฐธรรมนูญเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: บริษัท วี พริ้นท์ (1991)จำกัด.

ธีรเดช นรัตถรักษา (2557). ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557. กรุงเทพฯ: เจริญดีมั่นคงการพิมพ์.

บุญศรี ไพรัตน์ (2557). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557. กรุงเทพฯ: บริษัท สำนักพิมพ์ พ.ศ. พัฒนา จำกัด.

มานิตย์ จุมปา (2557). หลักกฎหมายรัฐธรรมนูญ (principles of constitutional law). กรุงเทพฯ : บริษัท วี. พริ้น (1991) จำกัด.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-03-03

รูปแบบการอ้างอิง

วิวิธคุณากร ศ. ., สุทธิบดี ส. ., & ศิริศักดิ์บรรจง ท. . (2023). ปัญหาของวุฒิสมาชิกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(2), 1–14. https://doi.org/10.14456/iarj.2023.51

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ