แนวคิดเกี่ยวกับการกำเนิดรัฐธรรมนูญยุคสมัยกรีกโบราณ

ผู้แต่ง

  • ศิริวดี วิวิธคุณากร หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต โครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0002-0842-7709
  • สุขสมัย สุทธิบดี หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต โครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0003-3148-8283
  • ทวีพฤทธ์ ศิริศักดิ์บรรจง หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต โครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0003-1108-8098

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2023.4

คำสำคัญ:

แนวคิด; , การกำเนิดรัฐธรรมนูญ; , กรีกโบราณ

บทคัดย่อ

 รัฐธรรมนูญมีประวัติมายาวนาน แต่ที่ชัดเจนและมีหลักฐานคือรัฐธรรมนูญในประเทศอังกฤษ สมัยพระเจ้าจอห์น ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย และใช้อำนาจอย่างไม่มีขอบเขต ในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1215 ขุนนางและพระราชาคณะจำนวน 25 คน ได้บังคับให้พระเจ้าจอห์นลงนามในเอกสารที่เรียกว่า "มหาบัตร" (The Great Charter, Magna Carta) ซึ่งเป็นสัญญาระหร่างพระมหากษัตริย์กับขุนนางและพระ โดยในมหาบัตรได้กำหนด ถึงองค์การ และอำนาจของสภาใหญ่ (Magnum Concilium) และกำหนดว่าพระมหากษัตริย์จะเก็บภาษีบางอย่างตามที่กำหนดไว้โดยมิได้รับความเห็นชอบจากสภาใหญ่มิได้ จะจับกุมคุมขังบุคคลได้ก็ต่อเมื่อ มีคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย มหาบัตรนี้ นักกฎหมายบางท่านเห็นว่า เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับแรกของโลก ดังนั้นบทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติการปกครองในยุคโบราณ เป็นต้นว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสมัยกรีก ซึ่งเน้นความเสมอภาคจนมีการคิดค้นกลไกลในการตรวจสอบบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง ทั้งก่อนเข้ารับตำแหน่งและภายหลังจากที่ได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่าสังคมยุคโบราณ ยังมองเห็นความสำคัญของสิ่งเหล่านี้และสามารถสร้างกลไกขึ้นมารองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้จำแนกการปกครองที่มีรัฐธรรมนูญออกเป็นยุคต่างๆ 4 ยุค ได้แก่ รัฐธรรมนูญประเพณีนครรัฐสปาตาร์ รัฐธรรมนูญประเพณีของนครรัฐเอเธนส์ รัฐธรรมนูญประเพณีของดราคอน รัฐธรรมนูญประเพณีของโซลอน ผลการศึกษาพบว่า แนวความคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ได้แก่ ทฤษฎีอำนาจอธิปไตย (Sovereignty Theory) อำนาจอธิปไตย (Sovereignty) หมายถึง อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐ ดังนั้น สิ่งอื่นใดจะมีอำนาจยิ่งกว่า หรือขัดต่ออำนาจอธิปไตยหาได้ไม่ อำนาจอธิปไตยย่อมมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระบอบการปกครอง เช่น ในระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน กล่าวคือ ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อำนาจอธิปไตยเป็นของพระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ เป็นต้น อนึ่งอำนาจอธิปไตยนี้ นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของความเป็นรัฐเพราะการที่จะเป็นรัฐได้นั้นนอกจากจะต้องประกอบด้วย อาณาเขต ประชากรและรัฐบาลแล้วย่อมต้องมีอำนาจอธิปไตยด้วย กล่าวคือประเทศนั้นต้องเป็นประเทศที่สามารถมีอำนาจสูงสุด (อำนาจอธิปไตย) ในการปกครองตนเองจึงจะสามารถเรียกว่า “รัฐ” ได้  

เอกสารอ้างอิง

ไชยันต์ ไชยพร. (2557). แนวคิดทางการเมืองและสังคม หน่วยที่ 2 แนวคิดทางการเมืองและสังคมของ อาริสโตเติล. สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ทินพันธุ์ นาคะตะ. (2560). ปรัชญาการเมือง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นรพัชร เสาธงทอง. (2559). ปรัชญาการเมือง. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยปทุมธานี.

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. (2538). กฎหมายมหาชนเล่ม1 วิวัฒนาการทางปรัชญาและลักษณะของกฎหมายยุคต่างๆ. พิมพ์ครั้งที่ 3., กรุงเทพ : วิญญูชน.

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. (2538). คำอธิบายกฎหมายมหาชนเล่ม1. กรุงเทพ : นิติธรรม

ปรีดี เกษมทรัพย์. (2539). นิติปรัชญา. กรุงเทพฯ: โครงการตำราและเอกสารประกอบการสอน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สมบัติ ธำรงธัญวงศ์. (2539). การเมือง แนวความคิดและการพัฒนา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เสมาธรรม.

สุกิจ ชัยมุสิก. (2554). ทฤษฎีการเมืองและจริยศาสตร์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย.

สุขุม นวลสกุล และคณะ. (2539). ทฤษฎีการเมืองสมัยโบราณและสมัยกลาง. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

อมร รักษาสัตย์และคณะ. (2539). ประชาธิปไตย อุดมการณ์ หลักการ และแบบอย่างการปกครองหลายประเทศ. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Clade Leolercq. (1996). Institutions politiques et droit constitutional. 2nd edition, Paris : Litec.

Rene David. (1978). Les grands Systemes de droit Contemporain. Paris : Dalloz.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-01-11

รูปแบบการอ้างอิง

วิวิธคุณากร ศ. ., สุทธิบดี ส. ., & ศิริศักดิ์บรรจง ท. . (2023). แนวคิดเกี่ยวกับการกำเนิดรัฐธรรมนูญยุคสมัยกรีกโบราณ. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(1), 61–70. https://doi.org/10.14456/iarj.2023.4

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ