ความต้องการและความคาดหวังต่อการเลือกศึกษาต่อในสาขาวิชาจิตวิทยาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2022.127คำสำคัญ:
ความต้องการและความคาดหวัง; , สาขาจิตวิทยา; , การแพร่ระบาดของโควิด -19.บทคัดย่อ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการศึกษาทุกระดับทั่วโลกแม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดจะบรรเทาลงแล้ว แต่ผลกระทบจากสถานการณ์ทำให้ผู้ปกครองนักเรียนประสบปัญหาเศรษฐกิจ นักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา ส่งผลต่อจำนวนการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความต้องการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่อการเลือกศึกษาต่อในสาขาวิชาจิตวิทยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 และ (2) ศึกษาความคาดหวังของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่อการเลือกศึกษาต่อในสาขาวิชาจิตวิทยา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 งานวิจัยนี้ใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 327 คน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีเกณฑ์การคัดเข้าคือ 1) เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา 2564 และ 2) มีความสนใจเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาจิตวิทยา จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยโดยใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาและการสรุปแบบอุปนัย ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สนใจศึกษาต่อในแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษาและแนะแนวมากที่สุด จำนวน 167 คน คิดเป็นร้อยละ 51.07 กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่าสาขาวิชาจิตวิทยามีประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองของนักเรียนในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย 3.91 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.10) กลุ่มตัวอย่างมีความสนใจในการเรียนรู้ด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมมนุษย์ในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย 3.68 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.10) กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่าศาสตร์ด้านจิตวิทยามีความสำคัญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย 3.67 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.09) กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่าภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ศาสตร์ด้านจิตวิทยายังคงเป็นที่ต้องการในสังคมในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย 3.65 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.07) กลุ่มตัวอย่างต้องการศึกษาต่อในสาขาวิชาจิตวิทยาเพราะสามารถนำความรู้ไปช่วยเหลือสังคมได้ในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย 3.63 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.05) และกลุ่มตัวอย่างมีความสนใจที่จะศึกษาต่อสาขาวิชาจิตวิทยา เพราะความรู้ทางจิตวิทยามีความเหมาะสมตรงกับความต้องการในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย 3.59 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.11) ในประเด็นความคาดหวัง กลุ่มตัวอย่างมีความคาดหวังต่อการศึกษาต่อสาขาจิตวิทยาใน 6 ด้านได้แก่ ด้านความสำคัญของวิชาชีพต่อสังคมไทย ด้านการพัฒนาตนเอง ด้านหลักสูตรและเนื้อหาวิชา ด้านอาจารย์ผู้สอน ด้านการจัดการเรียนการสอนและด้านสภาพแวดล้อมในการเรียนซึ่งประกอบไปด้วยความพร้อมของอุปกรณ์ในห้องเรียนและบรรยากาศการเรียนการสอนที่เป็นมิตร
เอกสารอ้างอิง
ไกรสิงห์ สุดสงวน. (2560). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร. วารสาร Veridian E-Journal Silpakorn University ฉบับภาษาไทย มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ. 10(1), 201-207.
เทื้อน ทองแก้ว. (2563). การออกแบบการศึกษาในชีวิตวิถีใหม่: ผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 New Normal Based Design in Education: Impact of COVID-19. วารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ JOURNAL OF TEACHER PROFESSIONAL DEVELOPMENT, 1(2), 1-10.
น้ำฝน ลูกคำ. (2555). ความต้องการและความคาดหวังของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายต่อการเลือกศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. [ออนไลน์] http://ssruir.ssru.ac.th/handle/ssruir/707 [10 ตุลาคม 2565].
บวรพจน์ พุดสีเสน. (2560) ความต้องการเข้าศึกษาต่อหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิชาจิตวิทยา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบัับวิจัยบัณฑิตศึกษา.11(2),111-122.
ประจวบ ทองศรี และ รังสฤษ ล่าหับ. (2564). ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรอนุปริญญา สาขาการศึกษาปฐมวัยของวิทยาลัยชุมชนสงขลา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. 32 (3), 162-174.
พัชรา ก้อนละตา. (2553). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในสาขาวิทยาศาสตร์เกษตรของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค. (2564). สำรวจผลกระทบ COVID-19 จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการศึกษาโลก.[Online] https://www.eef.or.th/article1-02-01-211. [16 กันยายน 2565].
ศูนย์เทคโนโลยีและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2564). รายงานสถิติจำนวนนักเรียน นิสิต นักศึกษาในระบบโรงเรียนของประเทศไทย จำแนกตามระดับการศึกษา ประเภทการศึกษา และชั้น [Online] http://www.eduwh.moe.go.th/index.php. [16 กันยายน 2565].
สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2563). NESDC ECONOMIC REPORT. [Online] https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=10212. [16 กันยายน 2565].
สุภางค์ จันทวนิช. (2549). วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 14). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เอื้ออนุช ถนอมวงษ์ และ งามลมัย ผิวเหลือง. (2560). การสร้างแบบจำลองเชิงสาเหตุของการพัฒนาวุฒิภาวะทางอาชีพของนักจิตวิทยา. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม. 16 (3), 126-134.
Krejcie, R.V. & Morgan, D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, (30), 607-610.
Miles, M. B., & Huberman, A. M. (1994). Qualitative data analysis: An expanded sourcebook. 2nd edition. Thousand Oaks: SAGE.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 Doungkamol Thongyoo, Monrudee Chuangcham, Sasipond Leungpaithoon, Teerasak Khrueasang

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





