การศึกษาปัจจัยมูลเหตุจูงใจและการปรับตัวทางวัฒนธรรมของเยาวชนจีนที่เข้ามาศึกษาหรือดำเนินชีวิตในประเทศไทย: กรณีศึกษาในเขตพื้นที่จังหวัดนนทบุรี
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2022.102คำสำคัญ:
มูลเหตุจูงใจ; , การปรับตัวทางวัฒนธรรม; , เยาวชนจีน; , เยาวชนจีนในประเทศไทยบทคัดย่อ
กระแสการเดินทางข้ามถิ่นของเยาวชนจีนที่เข้ามาในประเทศไทยนั้นมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน การย้ายถิ่นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายทั้งทางสังคม เชื้อชาติ และวัฒนธรรม การปรับตัวทางวัฒนธรรมของเยาวชนจีนในการดำรงชีวิตในสังคมใหม่ที่แตกต่างจากเดิมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาปัจจัยมูลเหตุจูงใจในการเข้ามาศึกษาต่อหรือทำงานในประเทศไทยของเยาวชนจีนที่เข้ามาศึกษาหรือดำเนินชีวิตในประเทศไทย (2) ศึกษาการปรับตัวทางวัฒนธรรมของเยาวชนจีน ด้านปัญหาการปรับตัว แนวปฏิบัติที่ดีในการปรับตัว และความต้องการช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อการปรับตัว เป็นการวิจัยผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีค่าความเที่ยงระหว่าง 0.75-0.84 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและความถี่ ร้อยละ และสถิติทดสอบที (t-test) ผลการวิจัย พบว่า 1) ด้านมูลเหตุจูงใจในการเข้ามาศึกษาต่อหรืออยู่อาศัยในประเทศไทย มูลเหตุจูงใจสูงสุด 3 รายการแรกคือ (1) ชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาในประเทศไทย (2) คุณภาพการศึกษาของประเทศไทย และ (3) สิ่งแวดล้อมในการอยู่อาศัย 2) ด้านการปรับตัวทางวัฒนธรรมของเยาวชนจีน พบว่า ปัญหาการปรับตัวทางวัฒนธรรมที่สำคัญ คือ (1) การดำเนินชีวิตประจำวัน (2) การปฏิบัติงาน และ (3) การกิน/บริโภคอาหาร แนวปฏิบัติในการปรับตัว 3 รายการแรกคือ (1) การคบหากับเพื่อนชาวไทย (2) การทำงานกลุ่มกับเพื่อนชาวไทย และ (3) การสืบค้นเรื่องราวต่าง ๆ จากฐานข้อมูลออนไลน์ ส่วนในด้านความต้องการความช่วยเหลือในการปรับตัวทางวัฒนธรรมที่สำคัญ คือ (1) การจัดอบรม ให้ความรู้ในช่วงแรกที่มาศึกษาหรือดำเนินชีวิตในประเทศไทย (2) การจัดทำฐานข้อมูลถาม-ตอบ (FAQ) เพื่อบริการถาม-ตอบ เกี่ยวกับวัฒนธรรม และการปรับตัวทางวัฒนธรรม และ (3) การจัดทำเว็บไซต์ให้คำแนะนำ
เอกสารอ้างอิง
กมลทิพย์ รักเกียรติยศ. (2560). การปรับตัวทางวัฒนธรรม การเรียนรู้ และการสื่อสารของนักศึกษาจีนในมหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 36 (2), 60-72.
ณัฐิดา อุตมา. (2562). การปรับตัวทางวัฒนธรรม การเรียนรู้ และการสื่อสารของนักศึกษาจีนที่กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาพลศึกษาในสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี ประจำปีการศึกษา 2560.วารสารวิชาการ สถาบันการพลศึกษา. 11 (1), 304-311.
ดวงทิพย์ เจริญรุกข์ เผื่อนโชติ และ พัชราภา เอื้ออมรวนิช. (2557). การปรับตัวของนักศึกษาจีนที่ เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. นิเทศศาสตรปริทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต. (18) 1, 75-86.
มัญชรี โชติรสฐิติ. (2556). การปรับตัวข้ามวัฒนธรรมของนักเรียนไทยในต่างประเทศ. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
สักกรินทร์ นิยมศิลป์. (2555). คลื่นลูกที่สี่: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับการย้ายถิ่นของชาวจีนยุคใหม่ (The Fourth Wave: Southeast Asia and New Chinese Migrants). การประชุมสังคมวิทยาระดับชาติครั้งที่4 คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติสาขาสังคมวิทยา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 18-19 มิถุนายน 2555 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์, 1-16.
Castles, S. (1998). Globalization and migration: some pressing contradictions. International Social Science Journal, 50 (156), 179-186.
Cortina, J., Taran, P., & Raphael, A. (Eds.). (2014). Migration and Youth: Challenges and Opportunities. Retrieved June 16, 2017.[Online] http:// www.globalmigrationgroup.org
Everett S. Lee. (1966). A theory of migration. Demography, 3 (1), 47-57.
Giddens, A., & Sutton, P. (2009). Sociology. 6th. Cambridge: Polity.
Huguet, J. (2014). Thailand Migration Profile. Thailand Migration Report 2014.
Koser, K. (2007). International Migration: A Very Short Introduction. New York: Oxford
Songsirisak, P. (2018). CROSS-CULTURAL ADAPTATION OF CHINESE STUDENTS: PROBLEMS AND SOLUTIONS. Journal of Educational Research, Srinakharinwirot University. 13 (2), 221-233.
Roy, P. (1962). The measurement of assimilation: the Spokane Indians. American Journal of Sociology. 67 (5), 541-551.
Yakushko, O. (2008). Xenophobia: Understanding the roots and consequences of negative Attitudes toward immigrants. The Counseling Psychologist. 37 (1), 36–66.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 ออมวจี พิบูลย์, วิมลวรรณ เปียยก

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





