รูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนบ้านโป่งเปือย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2022.9ึ7คำสำคัญ:
การพัฒนา; , การบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศ; , หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้สำรวจความต้องการในการบริหารจัดการสถานศึกษาจากการประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างหลากหลายตามความสนใจและศักยภาพของผู้เรียน และอยากให้โรงเรียนมีคุณภาพ มีความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้วิจัยในฐานะผู้บริหารโรงเรียนจึงได้เชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุม เพื่อนำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการศึกษาต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3) ทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ4) ศึกษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อผลการดำเนินงานตามรูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การศึกษาครั้งนี้ทำการศึกษาโรงเรียนบ้านโป่งเปือย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ โดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ สถานศึกษาซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ จำนวน 50 โรงเรียน มีผู้ให้ข้อมูลจำนวน 300 คน แบ่งการดำเนินการเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบัน เป็นการวิเคราะห์สภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนบ้านโป่งเปือย มี 2 ขั้นตอนคือ 1) ศึกษาวิเคราะห์เอกสารที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) ศึกษาสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิโรงเรียนต้นแบบ (Best practice) ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครูผู้สอนหรือผู้รับผิดชอบโครงการเศรษฐกิจพอเพียงหรือครูผู้รับผิดชอบโครงการโรงเรียนพระราชทานและตัวแทนกรรมการสถานศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จำนวน 4 โรงเรียน รวม 16 คน ระยะที่ 2 สร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนบ้านโป่งเปือย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ ในขั้นตอนนี้เป็นการร่าง สร้างและพัฒนารูปแบบ ผู้วิจัยได้ดำเนินการ 6 ขั้นตอนคือ 1) นำผลที่ได้จากการศึกษาสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันจากระยะที่ 1 มาเป็นพื้นฐานของการสร้างเครื่องมือเพื่อสร้างรูปแบบ 2) สร้างแบบสอบถามระดับการปฏิบัติเกี่ยวกับรูปแบบ จากนั้นนำไปเก็บรวบรวมข้อมูล 3) วิเคราะห์องค์ประกอบ (Factor Analysis) ของรูปแบบนำมาวิเคราะห์ด้วยการคำนวณหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) รวมทั้งวิเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมมิติของระบบสามด้าน ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า (Input) กระบวนการ (Process) และผลผลิต (Output) 4) วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน 5) กำหนดโครงร่างรูปแบบ และดำเนินการยกร่างรูปแบบ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ กลยุทธ์และโครงการต่าง ๆ เพื่อนำไปทดลองใช้ในการพัฒนาโรงเรียน 6) ตรวจสอบความตรงและความเหมาะสมของรูปแบบโดยการประชุมผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ โดยนำแนวทางการหนุนเสริมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาผู้เรียน ระยะที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบโดยการนำรูปแบบไปทดลองใช้ในโรงเรียนบ้านโป่งเปือย ทดลองใช้ 2 รอบ ในปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 โดยได้จัดทำคู่มือการดำเนินงานในการปฏิบัติตามรูปแบบ และระยะที่ 4 ประเมินผลความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อผลการดำเนินงานตามรูปแบบ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง และแบบสอบถามความคิดเห็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่าง 0.80-1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.39-0.85 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอ้างอิง ได้แก่ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย ผลการวิจัยพบว่า (1) สภาพการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พบว่าด้านการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง 7 องค์ประกอบ ได้แก่ ด้านภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ ด้านการมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากร ด้านหลักสูตร และการจัดการเรียนการสอน ด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านการวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ ด้านการมุ่งเน้นนักเรียน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และด้านผลลัพธ์การดำเนินงาน ส่วนด้านองค์ประกอบเชิงระบบของรูปแบบ มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ปัจจัยนำเข้า 2) ปัจจัยกระบวนการ และ3) ปัจจัยผลผลิต (2) รูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ซึ่งมีผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่ ดังนี้ 1) ปัจจัยนำเข้า มี 2 องค์ประกอบย่อย คือ ด้านภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ และด้านการมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากร มีค่าสถิติ Bartlett’s Test of Sphericity เท่ากับ 520.863 โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 และค่าดัชนี Kaiser-Meyer-Olkin เท่ากับ 0.783 จึงกล่าวได้ว่าดัชนีชี้วัดขององค์ประกอบด้านปัจจัยนำเข้า มีความสัมพันธ์เหมาะสมกันดีมาก สามารถนำไปวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันต่อไปได้ 2) กระบวนการ มี 4 องค์ประกอบย่อย คือ ด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านการวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ และ ด้านการมุ่งเน้นนักเรียน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีค่าสถิติ Bartlett’s Test of Sphericity เท่ากับ 758.843 โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 และค่าดัชนี Kaiser-Meyer-Olkin เท่ากับ 0.791 จึงกล่าวได้ว่าดัชนีชี้วัดขององค์ประกอบด้านกระบวนการ มีความสัมพันธ์เหมาะสมกันดีมาก สามารถนำไปวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันต่อไปได้ 3) ผลผลิต มี 1 องค์ประกอบย่อย คือ ด้านผลลัพธ์การดำเนินงาน (Result) มีค่าสถิติ Bartlett’s Test of Sphericity เท่ากับ 458.604 โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 และค่าดัชนี Kaiser-Meyer-Olkin เท่ากับ 0.808 จึงกล่าวได้ว่าดัชนีชี้วัดขององค์ประกอบด้านปัจจัยผลผลิต มีความสัมพันธ์เหมาะสมกันดีมาก สามารถนำไปวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันต่อไปได้ ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่ 2 สรุปได้ว่าโมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า โรงเรียนมีผลการปฏิบัติงานที่ได้รับการพัฒนาตาม 6 กลยุทธ์ สูงขึ้น และนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น (4) ความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อผลการดำเนินงานตามรูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำแนกตามผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ผู้บริหาร ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครอง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2558). ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา (2553-2557) ศูนย์ประสานงานกลางการดำเนินการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ.สำนักพัฒนา กิจการนักเรียนนักศึกษาและกิจการพิเศษ. กรุงเทพมหานคร : สำนักปลัดกระทรวง.
กัลลิกา ศรีหาสาร. (2561). รูปแบบการบริหารสถานศึกษาพอเพียงสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่สถานศึกษาพอเพียงที่มีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น. 15(2), 237-248.
คำตัน จันทะวงษา. (2559). การบริหารจัดการสถานศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดปทุมธานีเขต 2 .(วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์.
จงรักษ์ ศรีทิพย์. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย. 9(1), 201-215.
จุฑามาส พัฒนศิริ. (2560). แนวทางการบริหารสถานศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนในจังหวัดนครสวรรค์สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต42. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
ชนากานต์ กาหลง. (2560). สภาพและแนวทางการพัฒนาการบริหารสถานศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคามเขต 2 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ชัยวัฒน์ ธีระกุลพิศุทธ (2564). การบริหารสถานศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนกลุ่มกรุงเทพกลางสังกัดกรุงเทพมหานคร. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะวิทยาลัยการฝึกหัดครูมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ณัฐมนต์ ชาญเชิงค้า. (2561). รูปแบบการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลศของโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (สทมส.). 24 (3),87-101.
นัฐฐยา พิพัฒน์นราธร และนิษฐ์วดี จิรโรจน์ภิญโญ. (2561). การบริหารจัดการสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น. 5(1), 223-240.
พัชรินทร์ โคตรสมบัติ. (2558). การพัฒนาแนวทางการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมสำหรับสถานศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 7(8), 190-203.
พุทธิภา เหล็กคงสันเทียะ. (2564). รูปแบบการบริหารสู่ความเป็นเลิศของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31. วารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ. 7(1),205-223.
มังโสด หมะเต๊ะ. (2562). การบริหารคุณภาพการศึกษาสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนขนาดเล็กในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 3. วารสารราชนครินทร์. 16 (36), 89-100.
ราตรี ศรีไพรวรรณ (2556). การพัฒนากลยุทธ์การบริหารสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนมาตรฐานสากลระดับประถมศึกษา. คณะครุศาสตร์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วีระ บัวผัน. (2564). รูปแบบการพัฒนาวัฒนธรรมองค์การสู่ความเป็นเลิศของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 6(1), 145-161.
ศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ. (2560). คู่มือวิทยากรในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียง Version3.3. กรุงเทพฯ :ศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ.
สกาวเดือน ควันไชย. (2560). สภาพและแนวทางการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 19. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา. (2559). รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เรื่อง "แผนปฏิรูปเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก. กรุงเทพฯ : สำนักงานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา.
สมกิต บุญยะโพธิ์. (2557). รูปแบบการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสู่ความเป็นเลิศ. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตรวิจัย. 6(2), 80-95.
สมศักดิ์ศรี ชราศรี. (2562). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. 6(1), 203-222.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). คู่มือบริหารจัดการเวลา เรียน“ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ปีการศึกษา 2559. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 และที่แก้ไข. เพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553. กรุงเทพฯ : สำนักนายกรัฐมนตรี.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). เอกสารประกอบการระดมความคิดเห็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่12 (พ.ศ. 2560-2564). สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2557). รายงานการวิจัยแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียม ความพรอมศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแหงชาติ พ.ศ.2560 - 2579. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
สุชาติ ผู้มีทรัพย์. (2556). รูปแบบการพัฒนาครูผู้สอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับสถานศึกษานอกเขตชุมชนเมือง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 และ 2. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขายุทธศาสตร์การบริหารและการพัฒนา. มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร.
สุพรรษา กรอกสำโรง. (2563). ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในจังหวัดระนอง. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร. 11(1), 32-40.
อร่าม วัฒนะ. (2561). รูปแบบการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด. วารสารมหาจุฬาวิชาการ. 7(1), 55-71.
Bardo, J. W. & Hartman, J. J. (1982). Urban sociology: A systematic Introduction. New York: F. E. Peacock.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 Tapin Setthabodee

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





