การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI เรื่อง สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2022.57คำสำคัญ:
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI; , ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน; , ความพึงพอใจบทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เน้นให้นักเรียนได้พัฒนาผลการเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นมีหลายวิธี จากที่ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่าวิธีการหนึ่งที่น่าสนใจคือ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือสืบสวนสอบสวน “GI” คือ Group Investigation เป็นรูปแบบที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนช่วยกันไปสืบค้นข้อมูลมาใช้ในการเรียนรู้ร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน ทำงานอย่างเป็นระบบ มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนและฝึกให้ผู้เรียนมีทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ผู้วิจัยจึงมีความสนใจนำรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สาระที่ 5 ภูมิศาสตร์ เรื่อง สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดทักษะการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนให้สูงขึ้น ช่วยให้สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI เรื่อง สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับนักเรียนประถมศึกษาชั้นปีที่ 2 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI เรื่อง สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI เรื่อง สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลกิติยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค GI 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย t-test (One sample)
ผลการวิจัยพบว่า 1) กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI ผลการประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ ได้ค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.19-4.99 อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด 2) ดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI มีค่าเท่ากับ 0.7203 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ร้อยละ 72.03 3) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค GI โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 2.92, S.D.= 0.16 )
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง 2560). กรุงเทพฯ : คุรุสภา ลาดพร้าว.
นิภาวรรณ เทพีรัตน์. (2561). การพัฒนาแผนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิคสืบสวนสอบสวน GI เรื่องอาชีพในชุมชนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยสงขลาราชนครินทร์.
นิสารัตน์ รอดบุญคง. (2562). การศึกษาทักษะการคิดแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมมศึกษาปีที่ 6 ด้วย การสอนโดยใช้รูปแบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค GI เรื่อง อาชีพในชุมชน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
วีณา ประชากูลและประสาท เนืองเฉลิม. (2559). นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: ช้างทอง.
สมบัติ การจนารักพงค์. (2561). การส่งเสริมความรู้และความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ประเพณีและวัฒนธรรมในชุมชนโดยการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค GI. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.
สุพจน์ ลานนท์. (2556). การจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์จำกัด.
อรพินธ์ กันทะรัน. (2562). การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ภูมิศาสตร์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค GI ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Ambrose, D. (2015). Borrowing insights from other disciplines to strengthen conceptual foundations for gifted education. International Journal for Talent Development and Creativity, 3 (2), 33-57.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 โชติกา ไชยธานี, ธัญญลักษณ์ เขจรภักดิ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





