ผลของกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวของวัยรุ่นสมาธิสั้น

ผู้แต่ง

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2022.49

คำสำคัญ:

สติเป็นฐาน; , สมาธิสั้น; , สังคมบำบัด; , ความสัมพันธ์ในครอบครัว

บทคัดย่อ

ความสัมพันธ์ในครอบครัวของวัยรุ่นสมาธิสั้น เป็นปัจจัยป้องกันและปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตและความสำเร็จในชีวิต วัยรุ่นมักการขาดการยับยั้งชั่งใจ มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ทำให้ง่ายต่อการมีความขัดแย้งในเรื่องสัมพันธภาพในครอบครัว การศึกษาวิจัยปัจจุบันพบว่าการฝึกสติมีผลทางบวกต่อปัญหาด้านสุขภาพจิต ช่วยให้การทำงานของสมองส่วนอารมณ์ดีขึ้น แต่ในประเทศไทยไม่มีโปรแกรมที่ช่วยในการบำบัดเรื่องนี้โดยตรง การศึกษาวิจัยนี้จึงเกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาโปรแกรมกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวของวัยรุ่นสมาธิสั้น และเพื่อศึกษาผลของการใช้โปรแกรมกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวของผู้ปกครองและวัยรุ่นสมาธิสั้น

        การศึกษาครั้งนี้ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนาโดยมีวงจรการวิจัยและพัฒนา 3 รอบ 6 ขั้นตอน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวน 5 คน ได้แก่ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น 2 คน นักสังคมสงเคราะห์ 2 คน และอาจารย์ภาควิชาจิตวิทยา 1 คน กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กสำหรับทดลองโปรแกรมจำนวน 10 คน ประกอบด้วย วัยรุ่นสมาธิสั้นจำนวน 5 คน และผู้ปกครองจำนวน 5 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองจำนวน 40 คน ประกอบด้วย เด็กวัยรุ่นสมาธิสั้นจำนวน 20 คน และผู้ปกครองจำนวน 20 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองจำนวน 20 คน และกลุ่มควบคุมจำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) โปรแกรมกลุ่มสังคมบำบัดที่ใช้สติเป็นฐาน 2) แบบสังเกตความสอดคล้องของโปรแกรม 3) แบบประเมินโปรแกรม และ 4) แบบประเมินความบกพร่องทางหน้าที่ในเด็กและวัยรุ่นที่ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้น ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาโปรแกรมโดยทำการวิเคราะห์ค่าความสอดคล้องและความตรงเชิงเนื้อหาของโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติแบบพรรณนาและสถิติแบบอ้างอิง

        ผลการวิจัยพบว่า: โปรแกรมกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1) ทักษะการฝึกสติหลัก 2) กิจกรรมสะท้อนคิด และ 3) ผลลัพธ์ โดยผลการวิเคราะห์ค่าความสอดคล้องและความตรงเชิงเนื้อหาทั้งหมด (S-CVI) จากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน มีค่าเท่ากับ 0.95 ความคิดเห็นของนักสังคมสงเคราะห์จำนวน 6 คน ในภาพรวมต่อโปรแกรมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.75 (=4.75, SD=0.48) ผลจากการนำโปรแกรมกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานกลุ่มไปใช้ พบว่า วัยรุ่นสมาธิสั้นกลุ่มทดลองหลังใช้โปรแกรมกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานมีคะแนนความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 (F=15.6479**, p<.01) และมีคะแนนความสัมพันธ์ในครอบครัวหลังการทดลองดีกว่าวัยรุ่นสมาธิสั้นกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 (t=3.0997**, p<.01)

        สรุป: โปรแกรมกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานมีความตรงเชิงเนื้อหาและมีความเหมาะสมในการนำไปใช้กับวัยรุ่นสมาธิสั้น และทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวของวัยรุ่นสมาธิสั้นดีขึ้น

References

กระทรวงสาธารณสุข. (2564). กลุ่มรายงานมาตรฐาน, การเข้าถึงระบบบริการสุขภาพจิต: ร้อยละของผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นเข้าถึงบริการ. [Online] สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2564 จาก: https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/report.php?

source=pformated/formatg.php&cat_id=ea11bc4bbf333b78e6f53a26f7ab6c89&id=e0678b73197151b3f181edcb0ee76b97

กิตติยา วงษ์ขันธ. (2561). รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (R&D) และ รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติกาแบบมีส่วนร่วม (PAR). [Online] สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2564 จาก: https://www.ubu.ac.th/web/files_up/08f2018072012262188.pdf

ทวีทวีศิลป์ วิษณุโยธิน, โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ, พรทิพย์ วชิรดิลก, พัชรินทร์ อรุณเรือง, ธันวรุจน์ บูรณสุขสกุล. (2013). ความชุกโรคสมาธิสั้นในประเทศไทย. Journal of Mental Health Thai. 2013, 21 (2), 66-75.

มนธิชา ทองหัตถา. (2564).สภาพการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โรงเรียนปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารลวะศรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี. 5 (1), 43-52.

รุ่งอรุณ กระแสร์สินธ์, อารีย์ ประจวบเหมาะ, ใกล้รุ่ง กระแสร์สินธุ์, วทัญญู รัศมิทัต, สุรสิทธ์ อุดมธนวงศ์. (2564). ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเรียนการสอนแบบออนไลน์ของคณะบริหารธุรกิจสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น. วารสารนิติบุคคลบริหารและนวัตกรรมท้องถิ่น, 7 (8), 237-252.

วนัญญา แก้วแก้วปาน. (2560). สัมพันธภาพครอบครัวกับปัญหาการกระทำผิดในวัยรุ่น. Veridian E-Journal Silpakorn University, 10 (1) 361-371.

สมนึก อนันตวรวงศ์. (2559). โปรแกรมสติบำบัดสำหรับเด็กสมาธิสั้น. บริษัทสยามพิมพ์นานา จำกัด.

สุพร อภินันทเวช. (2559). การรักษาโรคสมาธิสั้นและจิตสังคมบำบัดในประเทศไทย. เวชบันทึกศิริราช, 9 (3), 175-181.

Brakley, R. A., (2006). Attention Deficit Hyperactivity Disorder. A handbook for Diagnosis and Treatment. 3rd edition, The Guklford press. New York, 2006.

Branhmbhatt, K., Hilty, D.M., Mina Hah., Jaesu Han., Angkustsiri, K. & Schweitzer J. (2016). Diagnosis and Treatment of ADHD during Adolescence in The Primary Care Setting: Review and Future Directions. J Adoles Health, 59 (2), 135-143. Doi: 10.1016/j.jadohealth.2016.03.025

Dunning, D. L., Griffiths, K., Kuyken, W., Crane, C., Foulkes, L., Parker, J., & Dalgleish, T. (2019). Research review: The effects of mindfulness‐based interventions on cognition and mental health in children and adolescents—A meta‐analysis of randomized controlled trials. Journal of Child Psychology and Psychiatry, 60 (3), 244-258. https://doi.org/10.1111/jcpp.12980

Harpin V.A. (2005). The effect of ADHD on the life of an individual, their family, and community from preschool to adult life. Arch Dis Child 2005, 90 (Suppl I) : i2–i7. doi: 10.1136/adc.2004.059006

Haydicky, Jillian & Shecter, Carly & Wiener, Judith & Ducharme, Joseph. (2013). Evaluation of MBCT for Adolescents with ADHD and Their Parents: Impact on Individual and Family Functioning. Journal of Child and Family Studies. 24 (1), 76-94, DOI: 10.1007/s10826-013-9815-1

Punyapas, S., & Boon-yasidhi, V., (2015). Reliability and Validity of Weiss Functional Impairment Rating Scale (WFIRS)-Thai version in Children and Adolescents with Attention Deficit Hyperactivity Disorder. J Psychiatr Assoc Thailand, 60(2), 111-126.

Saltzman, A., & Goldin, P. (2008). Mindfulness-based stress reduction for school-age children. In L. A. Greco & S. C. Hayes (Eds.), Acceptance and mindfulness treatments for children and adolescents: A practitioner's guide (pp. 139–161). New Harbinger Publications.

Siegel, D. J., & Hartzell, M. (2003). Parenting from the inside out: how a deeper self-understanding can help you raise children who thrive. New York: J.P. Tarcher/Putnam.

Thomas P.A., Hui Liu, Umberson D., (2017). Family Relationships and Well-Being. The gerontological: Innovation in Aging. 1 (3) 1-11. DOI:10.1093/geroni/igx025

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2022-07-15

How to Cite

อนันตวรวงศ์ ส. . (2022). ผลของกลุ่มสังคมบำบัดโดยใช้สติเป็นฐานต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวของวัยรุ่นสมาธิสั้น. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 2(4), 139–158. https://doi.org/10.14456/iarj.2022.49