ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้เทคนิค STAD ที่มีต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย

Main Article Content

ต่วนบิลาล ตูแวมะ
วริศ วงศ์พิพิธ
สุธนะ ติงศภัทิย์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนพฤติกรรมก้าวร้าวก่อนและหลังการทดลองของนักเรียนกลุ่มทดลองและนักเรียนกลุ่มควบคุม 2) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนพฤติกรรมก้าวร้าวหลังการทดลองระหว่างนักเรียนกลุ่มทดลองและนักเรียนกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสตูล ด้วยวิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sample) จำนวน 64 คน แบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ นักเรียนกลุ่มทดลอง จำนวน 32 คน ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้เทคนิค STAD และนักเรียนกลุ่มควบคุม จำนวน 32 คน ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาแบบปกติ ดำเนินการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 วัน วันละ 1 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้เทคนิค STAD จำนวน 8 แผน   (IOC = 0.95) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบประเมินพฤติกรรมก้าวร้าวโดยครู (IOC = 0.92)   และ แบบประเมินพฤติกรรมก้าวร้าวโดยผู้ปกครอง (IOC = 0.98) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หาค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าทีของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม (Paired sample t-test) และค่าทีระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม (Independent sample t-test ) ของคะแนนพฤติกรรมก้าวร้าวก่อนการทดลองและหลังการทดลอง


          ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนกลุ่มทดลอง ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้เทคนิค STAD สูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2) ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้เทคนิค STAD หลังการทดลองสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยพบว่า กิจกรรมการจัดการเรียนรู้พลศึกษาด้วยเทคนิค STAD สามารถนำมาใช้ปรับพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนให้ลดลงได้

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมสุขภาพจิต. (2563). รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นไทย. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2566). ข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา ปีการศึกษา 2566. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.

จรัญญา กองลี. (2565). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาโดยใช้เทคนิค STAD ที่มีต่อความพึงพอใจและพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 51(2), 85–98.

จันเกษม วงศ์ศรี, และ โพธิ์ทอง ศิริชัย. (2564). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษาเชิงรุกต่อพฤติกรรมทางสังคมของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 50(2), 45–58.

คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.

ธนาคม คงพรหม, และ พิชญ์ ศุภีร์. (2565). สมรรถภาพทางกายและพฤติกรรมทางสังคมของนักเรียนไทยระดับประถมศึกษาในบริบทโรงเรียนที่แตกต่างกัน. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 51(1), 30–42.

นะโม สุริยะ, พรหมรักษ์ วรวิทย์ และ ขันตี พิพัฒน์. (2566). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือในรายวิชาพลศึกษาที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียน. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 52(2), 112–125.

สุริยะ ชาญชัย, จิตรากูล กนกวรรณ และสันติสุข นฤมล. (2567). รูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกของนักเรียนในสถานศึกษา. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 53(1), 21–35.

Anderson, C. A., & Bushman, B. J. (2002). Human aggression. Annual Review of Psychology, 53, 27–51. https://doi.org/10.1146/annurev.psych.53.100901.135231.

Bailey, R., Armour, K., Kirk, D., Jess, M., Pickup, I., Sandford, R., & BERA Physical Education and Sport Pedagogy Special Interest Group. (2009). The educational benefits claimed for physical education and school sport: An academic review. Research Papers in Education, 24(1), 1–27. https://doi.org/10.1080/02671520701809817.

Johnson, D. W., Johnson, R. T., & Smith, K. A. (2019). Cooperative learning: Improving university instruction by basing practice on validated theory. Journal on Excellence in College Teaching, 30(2), 1–26.

Slavin, R. E. (2014). Cooperative learning: Theory, research, and practice (2nd ed.). Boston, MA: Allyn & Bacon.

UNESCO. (2015). Quality physical education: Guidelines for policy-makers. Paris: United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization.

World Health Organization. (2022). Global status report on preventing violence againstchildren. Geneva: World Health Organization.