ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

Main Article Content

พวงทิพย์ บุตรรักษ์
ณัฐกฤตา ศิริโสภณ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เพศหญิงและเพศชาย อายุ 35 - 59 ปี ที่อาศัยอยู่ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน 300 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามการรับรู้ตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ 6 องค์ประกอบ และพฤติกรรมการดูแล สุขภาพของกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน 4 พฤติกรรม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยสถิติไคสแควร์ (Chi-Square)


ผลการศึกษา พบว่า การรับรู้ตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ 6 องค์ประกอบ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของกลุ่มตัวอย่าง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ < .05 โดยกลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคเบาหวาน การรับรู้ประโยชน์ในการป้องกันโรคเบาหวาน และสิ่งชักนำสู่การปฏิบัติในการป้องกันโรคเบาหวาน มีการรับรู้อยู่ในระดับมาก ร้อยละ 51.7, 81.7, 56.0 ตามลำดับ การรับรู้ความรุนแรงของโรคเบาหวาน และความเชื่อมั่นในความสามารถของตนในการป้องกันโรคเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 50.3, 43.7 ตามลำดับ สำหรับการรับรู้อุปสรรคต่อการป้องกันโรคเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้อยู่ในระดับน้อย ร้อยละ 45.7 ด้านพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของกลุ่มตัวอย่าง 4 พฤติกรรม พบว่า การบริโภคอาหาร และการออกกำลังกาย มีพฤติกรรมอยู่ในระดับควรปรับปรุง ร้อยละ 66.3, 38.3 ตามลำดับ ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการจัดการความเครียด มีพฤติกรรมอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 51.7, 44.0 ตามลำดับ

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2561). โปรแกรมสุขศึกษาเพื่อการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 3 อ. 2 ส. ในการป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงสำหรับวัยทำงาน. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2561, สืบค้นจาก http://hed.go.th/linkHed/396.

เขมารดี มาสิงบุญ, สายฝน ม่วงคุ้ม, สุวรรณี มหากายนันท์. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการเกิดโรคเบาหวานในกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 27(2), 214-227.

ณัฐธยาน์ ประเสริฐอำไพสกุล, เกสร สำเภาทอง, ชดช้อย วัฒนะ. (2551). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

นาตยา ดวงปทุม, เฟื่องฟ้า รัตนาคณหุตานนท์. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์, 9(2), 53-67.

วรรณี นิธิยานันท์. (2562). งานแถลงข่าววันเบาหวานโลก 2562 World Diabetes Day Thailand 2019 Together Fight Diabetes. สืบค้นเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2562, สืบค้นจาก https://www.hfocus.org/content/2019/11/18031.

วิชัย เอกพลากร. (2548). รายงานการศึกษาพัฒนาดัชนีความเสี่ยงตอเบาหวาน. สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2563, สืบค้นจาก https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/pro4-chapter1(4).pdf

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข. (2559). การสำรวจสุขภาพประชาชนโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 ปี 2557. สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562, สืบค้นจาก https://www.hsri.or.th/researcher/research/new-release/detail/7711.

สมาคมเบาหวานแห่งประเทศไทย. (2560). สถานการณ์โรคเบาหวานในภาคพื้นแปซิฟิก (Western Pacific) ปี พ.ศ. 2560. สืบค้นเมื่อ 8 สิงหาคม 2561, สืบค้นจาก https://www.dmthai.org/index.php/knowledge/the-chart/the-chart-1/549-2018-02-08-14-52-46.

สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ. (2560). สถานการณ์โรคเบาหวาน ปี2560. สืบค้นเมื่อ 8 สิงหาคม 2561, สืบค้นจาก https://www.hfocus.org/content/2019/11/18054.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี. (2562). ระบบรายงานข้อมูลสุขภาพประชาชน. สืบค้นเมื่อ 25 มีนาคม 2562, สืบค้นจาก https://nbi.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php?source=formated/screen_risk.php&cat_id=6966b0664b89805a484d7ac96c6edc48&id=323a75335033c5976566d99f5ad53b33.

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2560). ประเด็นสารรณรงค์วันเบาหวานโลกปี 2560. สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2561, สืบค้นจาก http://www.thaincd.com/2016/news/hot-news, 19 ตุลาคม 2562.

สำนักโรคไม่ติดต่อ. (2562). ข้อมูลจำนวนและอัตราผู้ป่วยในปี 2559-2561(ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หลอดเลือดหัวใจ, หลอดเลือดสมอง และ COPD). สืบค้นเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2562, สืบค้นจาก http://thaincd.com/2016/mission/documents-detail.php?id=13684&tid=32&gid=1-020.

อรุณี สมพันธ์, แสงทอง ธีระทองคำ, นพวรรณ เปียซื่อ, สมนึก สกุลหงส์โสภณ. (2558) ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานในผู้ที่เสี่ยงต่อเบาหวาน. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาเวชปฏิบัติชุมชน, มหาวิทยาลัยมหิดล.

Becker, Marshall H. (1974). The Health Belief model and personal health Behavior. Health Education Monograph. Retrieved Avialable Source: May, 27, 2018. From https://journals.sagepub.com/doi/abs/10.1177/109019817400200407.

Krejcie, Robert V. and Morgan, Daryle W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities Educational and Psychological Measurement. Retrieved May, 27, 2018. From https://home.kku.ac.th/sompong/guest_speaker/KrejcieandMorgan_article.pdf.