ผลของการออกกำลังกายด้วยพลองที่มีต่อสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ของนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนคงคาราม จังหวัดเพชรบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลการออกกำลังกายด้วยพลองที่มีต่อสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนคงคาราม จังหวัดเพชรบุรีโดยใช้การวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนคงคาราม จังหวัดเพชรบุรี กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน ได้กลุ่มตัวอย่างมาโดยวิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) โปรแกรมออกกำลังกายด้วยพลองที่มีผลต่อสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (content validity) โดยผ่านผู้เชี่ยวชาญ 7 ท่าน พิจารณาความสอดคล้องของโปรแกรมการออกกำลังกายกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยด้วยวิธีการของ Rovinelli and Hambleton ได้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (index of item objective congruence: IOC) ตั้งแต่ 0.50-1.00 ระยะเวลาในการฝึก 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน (วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์) ระหว่างเวลา 7.30-8.30 น. 2) แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ AAHPERD HEALTH-RELATED PHISICALFITNESS TEST วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ (Repeated Measure ANOVA) และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างเป็นรายคู่ โดยวิธีของ Bonferroni
ผลการวิจัยพบว่า สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของกลุ่มตัวอย่างหลังการฝึกตามโปรแกรม
การออกกำลังกายด้วยพลองภายหลัง 8 สัปดาห์ ที่ทำการทดสอบจำนวน 4 รายการ ประกอบด้วย รายการทดสอบวัดความหนาไขมันใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านหลัง (มิลลิเมตร) ความหนาไขมันใต้ผิวหนังบริเวณน่องด้านใน (มิลลิเมตร) เพื่อวัดองค์ประกอบของร่างกาย และรายการทดสอบนั่งงอตัวไปข้างหน้า (เซนติเมตร) เพื่อวัดความอ่อนตัวก่อนฝึก ระหว่างการฝึกสัปดาห์ที่ 4 และภายหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนรายการทดสอบรายการ วิ่ง 1.5 ไมล์ (นาที) เพื่อวัดความอดทนของระบบไหลเวียนเลือดและระบบหายใจ และทดสอบการลุก-นั่ง 60 วินาที (ครั้ง) เพื่อทดสอบความแข็งแรงและอดทนของกล้ามเนื้อ (บริเวณท้อง) พบว่า ก่อนฝึก ระหว่างฝึก 4 สัปดาห์ และภายหลังการฝึก 8 สัปดาห์ พบว่ามีพัฒนาที่ดีขึ้นและมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ความคิด ข้อวิพากษ์ในวารสารเป้นสิทธิของผู้เขียน สมาคมสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการแห่งประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเห็นชอบด้วยเสมอไป เพื่อให้เกิดความหลากหลายในความคิดและความสร้างสรรค์
เอกสารอ้างอิง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2560). กรมอนามัยเผย คนไทยนั่งเนือยนิ่ง 14 ชม./วัน แนะเคลื่อนไหวร่างกายบ้าง. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2562, สืบค้นจากhttps://www.anamai.moph.go.th/ewt_news.php?nid=11150&filename=2016
กาญจนศรี สิงห์ภู่. (2550). คู่มือการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพสำหรับประชาชน. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2561, สืบค้นจาก http://healthcaredee-21.blogspot.com/2012/04/blog-post.html.
กิตติกา ธนะขว้าง และ รัตนากร ยศอินทร์. (2556). การออกกำลังกายด้วยการำไม้พลองประยุกต์กับการฟ้อนมองเชิงเมืองน่านต่อสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุ. พยาบาลสาร, 40(2), 148-161.
เข็มพร วิรุณราพันธ์. (2561). เรียนหนัก-เนือยนิ่ง-ติดจอ ทำเด็กไทยสุขภาพแย่ ชี้ควรส่งเสริม เล่นอิสระ สร้างพัฒนาการ. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2562, สืบค้นจาก https://www.naewna.com/local/325056?fb_comment_id=1507913089319398_1508414162602624
เจริญ กระบวนรัตน์. (2552). การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
เจริญ กระบวนรัตน์. (2557). วิทยาศาสตร์การฝึกสอนกีฬา. กรุงเทพฯ: บริษัทสินธนาก๊อปปี้เซ็นเตอร์ จำกัด.
ชาญชัย ขันติศิริ. (2563). เอกสารประกอบการสอนวิชาวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายและกีฬา. กรุงเทพฯ: ภาควิชาพลศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
นวลอนงค์ ชัยปิยะพร. (2544). ออกกำลังกายสร้างบุคลิก. กรุงเทพฯ: แสงแดด.
พรเทพ ราชรุจิทอง และคณะ. (2561). ผลของการแทรกกิจกรรมทางกายที่มีต่อแรงจูงใจตามสถานการณ์ความเชื่อมั่นตนเองเฉพาะด้าน และความรู้สึกที่ดีต่อร่างกายตนเอง. วารสารวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายและกีฬา, 8(1), 61-79.
พิชิต ภูตจันทร์. (2547). วิทยาศาสตร์การกีฬา. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
ไพโรจน์ เสาน่วม. (2560). คนไทยมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง 14 ชม./วัน เสี่ยงเจ็บป่วย เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2562, สืบค้นจากhttps://www.hfocus.org/content/2017/12/15045
ภัทรา รัตนธรรมเจริญ. (2554). การเปรียบเทียบผลการเต้นแอโรบิกกับพลองแอโรบิกที่มีต่อความอดทนของระบบ
ไหลเวียนเลือดของนิสิตหญิง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพลศึกษา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
วิชนี จั่นมุกดา และ ปิยะภัทร เดชพระธรรม. (2551). ผลการออกกำลังกายด้วยการรำไม้พลองป้าบุญมีแบบประยุกต์ต่อการทรงตัว ความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของผู้สูงอายุ. เวชศาสตร์ฟื้นฟูสาร, 18(2), 59-64.
วิวัฒน์ไชย วรบวร. (2549). การเสริมสร้างสมรรถภาพด้วยการออกกำลังกาย. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 32(1), 102.
ศริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์. (2559). “เนือยนิ่ง” พฤติกรรมสโลว์เสี่ยงโรค. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2562, สืบค้นจาก https://www.thaihealth.or.th/Content/33889-“เนือยนิ่ง”พฤติกรรมสโลว์เสี่ยงโรค.html
ศิริรัตน์ หิรัญรัตน์. (2539). สมรรถภาพทางกายและกีฬา. กรุงเทพฯ: ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล.
สาทิส อินทรคำแหง. (2557). รำกระบองบำบัด (ทุก) โรค. กรุงเทพฯ: อมรินทร์สุขภาพ.
สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์. วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม. (ระดับอุดมศึกษา). (2556). รายงานผลการสำรวจกิจกรรมการออกกำลังกายของวัยรุ่น. กรุงเทพฯ: สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม.
Wuest, D.A. and C.A. Bucher. (2003). Foundation of Physical Education and Sport. Saint Louis: Missouri.