ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของรูปแบบการเป็นผู้นำของผู้ฝึกสอน บรรยากาศการจูงใจ ความสามัคคีในทีม และความเชื่อมั่นในทีม ที่มีต่อความพึงพอใจในประสิทธิภาพของทีมฟุตบอลอาชีพไทย CAUSAL RELATIONSHIP AMONG LEADERSHIP STYLE, MOTIVATION CLIMATE, TEAM COHESION, AND COLLECTIVE EFFICACY ON PERFORMANCE SATISFACTION IN THAI PROFESSIONAL FOOTBALL TEAMS
Main Article Content
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของการรับรู้ระหว่างรูปแบบการเป็นผู้นำของผู้ฝึกสอน กับบรรยากาศการจูงใจ ความสามัคคี และความเชื่อมั่นในทีม ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในประสิทธิภาพของทีม กลุ่มตัวอย่างเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพระดับไทยพรีเมียร์ลีก จำนวน 270 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) ความเชื่อมั่นในทีมมีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในประสิทธิภาพของทีมมากที่สุด 2) รูปแบบการเป็นผู้นำของผู้ฝึกสอนแบบประชาธิปไตยนิยมใช้มากที่สุด 3) รูปแบบการเป็นผู้นำแบบประชาธิปไตย แบบสนับสนุนทางสังคม แบบฝึกและสอน และแบบชมเชยหรือเน้นการให้รางวัลมีความสัมพันธ์กับบรรยากาศการจูงใจด้านมุ่งเน้นที่ความชำนาญ 4) รูปแบบการเป็นผู้นำของผู้ฝึกสอนแบบเผด็จการ แบบฝึกและสอน และแบบสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์กับบรรยากาศการจูงใจด้านมุ่งเน้นประสิทธิผล 5) ปัจจัยความสามัคคีในทีมด้านรวมกลุ่มด้วยงานมีอิทธิต่อความเชื่อมั่นในทีม สรุปได้ว่าปัจจัยด้านรูปแบบความเป็นผู้นำของผู้ฝึกสอนทั้ง 5 แบบ ส่งผลต่อความพึงพอใจในประสิทธิภาพของทีมฟุตบอลอาชีพไทย โดยส่งผ่านตัวแปรทั้ง 3 ตัวแปร ได้แก่ บรรยากาศการจูงใจ ความสามัคคี และความเชื่อมั่นในทีม ทั้งทางตรงและทางอ้อม
คำสำคัญ: รูปแบบการเป็นผู้นำของผู้ฝึกสอน บรรยากาศการจูงใจ ความสามัคคีในทีม ความเชื่อมั่นในทีม ความพึงพอใจในประสิทธิภาพของทีมฟุตบอลอาชีพ
Article Details
Critical thinking in journals is the right of the author. The Association of Health Education, Physical Education and Recreation of Thailand is not always required, to create diversity in ideas and creativity.
ความคิด ข้อวิพากษ์ในวารสารเป้นสิทธิของผู้เขียน สมาคมสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการแห่งประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเห็นชอบด้วยเสมอไป เพื่อให้เกิดความหลากหลายในความคิดและความสร้างสรรค์