รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม : กรณีศึกษาโรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราชชื่อเรื่องบทความ

Main Article Content

มทูร พูลสวัสดิ์

Abstract

บทคัดย่อ


การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของยาเสพติดในโรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช 2) เพื่อสร้างรูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด        และ 3)  เพื่อทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กำหนดขั้นตอนการวิจัยออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของยาเสพติดในโรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีประชากร นักเรียน จำนวน 1,352 คน กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้อำนวยการโรงเรียน ตัวแทนคณะกรรมการนักเรียน ครูแนะแนว และครูผู้รับผิดชอบงานด้านการป้องกันยาเสพติด เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ และการสนทนากลุ่มกับบุคคลที่มีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในโรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช และชุมชนรอบรั้วโรงเรียน จำนวน 13  คน  ระยะที่ 2 สร้างรูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยผู้วิจัยได้ประชุมกลุ่มแกนนำนักเรียนชั้นเรียน จำนวน 46 คน และตัวแทนผู้ปกครองเครือข่าย จำนวน 43 คน รวม 89 คน โดยใช้เทคนิค A-I-C แบ่งกลุ่มประชุมกลุ่มย่อย มีการระดมสมองคิด กิจกรรม แผนงานโครงการ และรูปแบบที่เหมาะสมจากแต่ละกลุ่ม สรุปและอภิปรายผลต่อที่ประชุมใหญ่ จำนวน 12 โครงการ เป็นรูปแบบการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะที่ 3 ทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยนำรูปแบบที่ได้จากการสร้างขึ้นในระยะที่ 2 และมีการปรับปรุงแล้วไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 5 จำนวน 1060   คน โดยผู้วิจัยเก็บข้อมูลพื้นฐานก่อนการทดลองใช้รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (Pre –test) กับนักเรียน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการป้องกัน การค้นหา การเฝ้าระวัง การบริหารจัดการ และกลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ และความพึงพอใจของนักเรียนต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในโรงเรียนเมื่อเก็บข้อมูลก่อนการทดลองใช้รูปแบบแล้วจึงทำการทดลองใช้รูปแบบเป็นระยะเวลา  6 เดือน และหลังจากนั้นเก็บข้อมูลหลังการทดลอง (Post –test) เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้สถิติเชิงบรรยาย (Descriptive Statistics) 


ผลการวิจัยพบว่า  ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในโรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราชพบว่ามีนักเรียนมีปัญหาในด้านการสูบบุหรี่ การใช้กัญชา ยาบ้า และปัญหาการดื่มน้ำต้มพืชกระท่อม ซึ่งส่งผลกระทบด้านการเรียนมีผู้สูบบุหรี่รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลการสร้างรูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในโรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช จากการระดมสมองของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ได้โครงการในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจำนวน 12 โครงการ ได้แก่ เข้าค่ายคุณธรรม จริยธรรม, การเยี่ยมบ้านนักเรียน,  การประชุมเครือข่ายผู้ปกครองและผู้ปกครองชั้นเรียน, ส่งเสริมและพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อป้องกันยาเสพติดและโรคเอดส์,  การแข่งขันทักษะทางวิชาการวันมัธยมศึกษา, กิจกรรมทางวิชาการ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้, ลูกเสือต้านยาเสพติด,  การแข่งขันศิลปะ ดนตรี และกีฬา, การแข่งขันกีฬา กรีฑานักเรียน นักศึกษาและประชาชนประจำปี, มาร์ชชิ่งความดีสากลพื้นฐาน 5 ประการ, การแข่งกีฬาฟุตซอลต้านยาเสพติด และค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผลการทดลองใช้รูปแบบกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 5 เปรียบเทียบก่อนการทดลองและหลังการทดลองพบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนก่อนทดลองใช้ค่าเฉลี่ย 2.91 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.40 และความพึงพอใจหลังการทดลองใช้ ค่าเฉลี่ย 3.86  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน .79   มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กล่าวคือผลการดำเนินงานทั้ง 12 โครงการในโรงเรียนเมืองนครศรีธรรมราช ด้านการป้องกัน การค้นหา การเฝ้าระวัง การบริหารจัดการ และกลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ ทำให้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดลดลง และนักเรียนมีความพึงพอใจเพิ่มขึ้น ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เกิดจากแนวความคิดของนักเรียน เครือข่ายผู้ปกครอง ชุมชน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชุมชนรอบรั้วโรงเรียนสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้เป็นผลสำเร็จ

Article Details

Section
Research Articles