การจัดการผลงานทางวิชาการและความต้องการใช้คลังสารสนเทศสถาบัน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
คลังสารสนเทศสถาบัน, ผลงานทางวิชาการ, มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการผลงานทางวิชาการและศึกษาความต้องการใช้คลังสารสนเทศสถาบันในปัจจุบันของมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัย จำนวน 9 คน อาจารย์และนักศึกษา จำนวน 669 คน รวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างและแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) จัดกลุ่มข้อมูล และสถิติเชิงพรรณนา ผลวิจัยพบว่า
- 1. ด้านการจัดการผลงานทางวิชาการในปัจจุบัน สรุปได้ 3 ประเด็น ดังนี้ 1) การผลิตผลงานทางวิชาการ มหาวิทยาลัยมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณสำหรับผลิตผลงานทางวิชาการประเภทงานวิจัยและตำรา 2) การจัดเก็บผลงานทางวิชาการ มหาวิทยาลัยยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะรวบรวมผลงานทางวิชาการที่กระจัดกระจายตามเจ้าของผลงาน
คณะ และหน่วยงานที่ให้ทุน และ 3) การใช้ประโยชน์และเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ มหาวิทยาลัยมีนโยบายให้นำเสนอผลงานและเผยแพร่งานวิจัยทุกระดับ - 2. ด้านความต้องการใช้คลังสารสนเทศสถาบัน พบว่า ทั้งอาจารย์และนักศึกษาต้องการใช้คลังสารสนเทศสถาบันอยู่ในระดับมาก ผลงานทางวิชาการที่ต้องการใช้มากที่สุด คือ หนังสือ ตำรา งานวิจัย ในรูปแบบไฟล์ PDF สามารถเข้าถึง
ผ่านเว็บ OPAC ของห้องสมุด และลักษณะข้อมูลที่ต้องการคือบรรณานุกรมและเอกสารฉบับเต็ม
เอกสารอ้างอิง
เปรมฤดี แทนมาลา. (2552). การใช้คลังปัญญาจุฬาฯ เพื่อประเทศไทยของอาจารย์และนิสิตบัณฑิตศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วิทยานิพนธ์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พัณณิตา นันทะกาล. (2557). การศึกษาสภาพการจัดการผลงานวิชาการของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสารสนเทศ. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
พัณณิตา นันทะกาล และมาลี กาบมาลา. (2557). สภาพการจัดการผลงาน ทางวิชาการและความต้องการในการพัฒนาคลังความรู้สถาบันของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. Information-อินฟอร์เมชั่น, 21(2), 47-64.
วัชรี เพ็ชรวงษ์. (2555). การพัฒนาคลังสารสนเทศสถาบันสำหรับงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล. ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาสารสนเทศศึกษา. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วัชรี เพ็ชรวงษ์ และกุลธิดา ท้วมสุข. (2554). การวิเคราะห์เปรียบเทียบคลังสารสนเทศสถาบันของมหาวิทยาลัยไทย. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา. (2556). แผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555–2559). สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2564, จาก http://www.mua.go.th/users/bpp/developplan/index.htm
อนุรักษ์ อยู่วัง. (2555). การจัดการคลังสถาบันในห้องสมุดมหาวิทยาลัย. วิทยานิพนธ์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Anuradha, K.T. (2005). Design and Development of Institutional Repository: A case study. The International Information & Library Review, 1(2), 10-15.
Crow, R. (2002). The Case for Institutional Repositories: A SPARC Position Paper. Washington, DC.: SPARC.
Jean, B.S., Rieh, S.Y., Yakel, E. and Markey, K. (2011). Unheard voices: Institutional repository end-users. College & Research Libraries, 72(1), 21–42.
Lynch, C.A. (2003). Institutional Repositories: Essential Infrastructure for Scholarship in the Digital Age. portal: Libraries and the Academy, 3(2), 327-336.
McCormick, M.J. (2006). Filling Institutional Repositories by Serving the University’s Needs. Master of Science Thesis in Library Sciences, School of Information and Library Science. North Carolina: University of North Carolina at Chapel Hill.
Melero, R. (2009). The situation of open access institutional repositories in Spain: 2009 report.
Retrieved January 12, 2020, From http://informationr.net/ir/14-4/paper415.html 2009
Nabe, J.A. (2010). Starting, Strengthening, and managing institutional repositories: how to do it manual. New York: Neal-Schuman.
Ware, M. (2004). Pathfinder research on web-based repositories. London: Library/Learning Solution.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว