A Model for Developing Academic Administration Competencies of Administrators in Buddhist Scripture Schools under the General Education Division in Northeast
Keywords:
Model, Academic administration competencies, Administrators in Buddhist Scripture Schools under General Education DivisionAbstract
The purposes of this research were 1) to develop of an academic administration competencies model of administrators in Buddhist scripture schools under the general education division; 2) to assess the appropriateness, possibility, and usefulness of the developed academic administrative competencies model; and 3) to construct user manual of administrator academic administration competencies model in Buddhist scripture schools under general education division. Mixed-method research was employed. The study divided into 3 phases, phase 1 was an analysis of relevant documents and researches, an interview with 7 experts. The data obtained from the interview were used for content analysis. The research instrument was semi-structured interview. Statistic was Percentage. Phase 2 was assess the appropriateness, possibility, and usefulness of the model by using 3 - rounds application of Delphi's techniques from 21 experts selected through purposive sampling, survey from a sample group that administrators in Buddhist scripture schools, 134 peoples. The research tools were a 5 - level rating scale questionnaire. Statistics were percentage, median, interquartile range, frequency, mean and standard deviation. Phase 3 was creating of user manual by synthesis research related to model implementation, which was presented to 5 experts. Statistics were the content analysis. The research results were:
1) A model for developing academic administration competencies of administrators in Buddhist scripture schools under general education division the northeast region comprised 3 factors, which were
1) 4 sub-factors on elements contributing to success in developing academic administration competencies of administrators in Buddhist scripture schools; 2) 4 sub-factors on scope and method in developing academic administration competencies of administrators in Buddhist scripture schools; and 3) 4 sub-factors of the outcome.
2) The appropriateness, possibility, and usefulness of the development model was at a high level.
3) the developed user manual was divided into 3 phases, phase 1 was explore the knowledge, skills, and behaviors that need to be developed. phase 2 was workshop and phase 3 was summary
and evaluation. Each phase has 8 elements: statement vision, mission, goals, content, process, procedure and success indicators. The overall appropriateness of the manual was at a high level.
References
กองพุทธศาสนสถาน, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. (2555). คู่มือปฏิบัติโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ.
เฉลิมพล ทิมบำรุง. (2556). การศึกษาสมรรถนะการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
ชวนะ ทวีอุทิศ. (2559). รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ดุษฎีนิพนธ์ ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาวะผู้นำทางการบริหารการศึกษา. สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
ธีระ รุญเจริญ. (2550). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพรส.
บวร เทศารินทร์. (2560). คู่มือเตรียมสอบผู้บริหารศึกษา. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2562,จาก https://www.slideshare.net/sobkroo1/ss-64636014/
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2553). จิตวิทยาการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ.
เพียรพันธุ์ กิจพาณิชย์เจริญ. (2552). ศึกษาสมรรถนะการบริหารวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร. สารนิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ภัทรวดี กาลจักร. (2555). การศึกษาความคิดเห็นของครูต่อสมรรถนะการบริหารงานวิชาการระดับปฐมวัยของผู้บริหารโรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 2. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร. (2550). แนวทางการพัฒนาระบบสมรรถนะเพื่อพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคคล. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2562, จาก competency.rmutp.ac.th/components
เยาวนิจ ชะชำ. (2557). สมรรถนะการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
ลือชัย ชูนาคา. (2559). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการบริหารวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
วาโร เพ็งสวัสดิ์. (2551). วิธีวิทยาการวิจัย. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์.
ศศิรดา แพงไทย. (2559). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย, 6(1), 8-20.
ศิริพร กุลสานต์. (2558). รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำครูในการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ดุษฎีนิพนธ์ ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาวะผู้นำทางการบริหารการศึกษา. สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
สยาม สุกัน. (2555). สมรรถนะการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในทัศนะของครู กลุ่มป่งไฮ-น้ำจั้น อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. นครพนม: มหาวิทยาลัยนครพนม.
สิทธิกร อ้วนศิริ. (2554). การพัฒนาโมเดลเชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อการประเมินคุณภาพภายนอกของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา. เลย: สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเลย.
สุธิดา แก้วโสนด, ธนวิน ทองแพง และประยูร อิ่มสวาสดิ์. (2563). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18. วารสารบัณฑิตศึกษา, 17(77), 132.
สุภาพร มากแจ้ง. (2548). รายงานการสังเคราะห์งานวิจัย รูปแบบและกระบวนการจัดการศึกษาและเผยแผ่ศาสนธรรม: กรณีศึกษา 9 วัด. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุวิมล ว่องวานิช. (2550). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สาธิต รัตนสารี. (2556). สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. กาญจนบุรี: มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจบุรี.
แสงเดือน จงบำรุง. (2556). สมรรถนะการบริหารวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของครูโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรีเขต 3. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. กาญจนบุรี: มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม. (2557). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการดำเนินงานในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 1-2 ในฐานะที่เป็นนิติบุคคล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม. มหาสารคาม: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม.
สำนักเลขาธิการสภาการศึกษา. (2551). ร่างแนวทางการดำเนินการโครงการวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมนวัตกรรมเครือข่ายการเรียนรู้ของครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน. กรุงเทพฯ: สำนักงานมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้.
อภิรมย์ สีดาคำ. (2559). องค์ประกอบที่ส่งผลต่อคุณภาพมาตรฐานการศึกษาของ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาในจังหวัดภาคเหนือตอนบน. วารสารวิจัยและพัฒนาวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 219(11), 3.
อาภรณ์ ภู่วิทยพันธ์. (2552). กลยุทธการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: เอช อาร์ เซ็นเตอร์.
อุรารัตน์ (นามแฝง). (2550). วิธีในการพัฒนาขีดสมรรถนะบุคลากร. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2562, จาก urarat.blogspot.com/2010/11/9.html
Dubois D. D. and Rothwell J. W. (2004). Competency–Based Human Resource Management. California: Davies–Black Publishing.
Ferguson, G. A. (1981). Statistical Analysis in Psychology and Education (5th ed.). Tokyam: MC Graw - Hill Book.
Krejcie, R.V. and Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Likert, R. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale. Reading in Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2022 Roi Et Rajabhat University
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว