Factors Correlated with Depression among the Elderly People with Chronic Disease in Community
Keywords:
Depression, Elderly People, Chronic DiseaseAbstract
The purpose of this research was to study the factors correlated with depression among the elderly people with chronic disease at Thamuang Community. The samples were 144 elderly people with chronic disease in aged over 60 years old, who were evaluated the scores of capacity in Activity Daily of Living more than 4. They had good communication, had no cognitive impairment and lived in Thamuang Community. The data were collected by using Elderly Health Profile and Thai Geriatric Depression Scale (TGDS) questionnaires. Descriptive statistics, chi-square correlation were used in data analysis. The result of this research found that 55.6 percent of the samples had mild depression, 23.6 percent of the samples had moderate depression. The factors on habitation and family relationship were significantly correlated with depression (P=.05). The factors on gender, age, marital status, career, income, congenital decease, caretaker, participating activity in community and the ability in daily of living were not correlated with depression.
References
กลุ่มฟื้นฟูสมรรถภาพสมอง. (2537). แบบวัดความเศร้าในผู้สูงอายุไทย. สารศิริราช, 46(1), 1-9.
ชัยวัฒน์ อินไชยา, โสพิณ แสงอ่อน และพัชรินทร์ อินทจันทร์. (2559). ปัจจัยทำนายภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุในชุมชน. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, 30(1), 17-33.
นภา พวงรอด. (2558). การศึกษาภาวะซึมเศร้าของผู้สูงอายุในจังหวัดนนทบุรี. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 2(1), 63-74.
นริสา วงศ์พนารักษ์ และสายสมร เฉลยกิตติ. (2557). ภาวะซึมเศร้า : ปัญหาสุขภาพจิตสำคัญในผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลทหารบก, 15(3), 26.
บุศราคัม จิตอารีย์. (2555). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะซึมเศร้าในชุมชน จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน. นครปฐม: มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
ปรีชา ศตวรรษธำรง. (2544). การศึกษาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของภาวะสมองเสื่อมและภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย. กรุงเทพฯ: โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา.
พัชราภัณฑ์ ไชยสังข์, สิริกร สุธวัชณัฐชา, ปริมวิชญา อินต๊ะกัน, และสายใจ ลิชนะเธียร. (2556). ปัจจัยทำนายภาวะซึมเศร้าของผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในเขตเมือง. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 6(1), 27-36.
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2558). การดูแลผู้สูงอายุระยะยาว. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2563, จาก https://thaitgri.org/?p=36614
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (2558). สังคมผู้สูงอายุ : นัยต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2563, จาก https://www.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sec/Lom12/05-01.html
รุจิวรรณ สอนสมภาร. (2560). แนวทางการส่งเสริมเพื่อป้องกนัภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา.
วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, 4(1), 79.
สายพิณ ยอดกุล และจิตภินันท์ ศรีจักรโคตร. (2555). ปัจจัยทํานายภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุโรคเรื้อรังที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบุรีรัมย์. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งชาติ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 30(3), 50-55.
สุจรรยา แสงเขียวงาม. (2560). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบึงคำพร้อย หมู่ 11 อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี. การประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 8.
สุทธิชัย จิตะพันธ์กุล. (2541). หลักสำคัญของเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อาคม บุญเลิศ. (2559). ความชุกและปัจจัยที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าของผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในชุมชนเขตรับผิดชอบของสถานบริการ ปฐมภูมิสามเหลี่ยม จังหวัดขอนแก่น. ศรีนครินทร์เวชสาร, 31(1), 25-33
Archana, S. and Nishi, M. (2009). Depression and Sociability in old age. Ind Psychiatry J. 18 (1), 51-55.
SangNam, A., Seonghoon, K. and Hongmei, Z. (2017). Changes in Depressive Symptoms Older Adults with Multiple Chronic Condition: Role of Positive and Negative Social Support. Int J Environ Res Public Health, 14(1), 16.
World Health Organization. (2018). Depression. Retrieved April 5, 2018, from https://www.who.int/newsroom/factsheets/detail/depression
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว