การพัฒนาความสามารถด้านการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (TPR)
คำสำคัญ:
ความสามารถด้านการฟังและการพูด, ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร, การสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (TPR)บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาความสามารถของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในด้านการฟังภาษาอังกฤษ 2) พัฒนาความสามารถของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในด้านการพูดภาษาอังกฤษ ให้ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 และ 3) ศึกษาพฤติกรรมการกล้าแสดงออกของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบตอบสนองด้วยท่าทาง กลุ่มเป้าหมาย การวิจัย ได้แก่ นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 10 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ แบบตอบสนองด้วยท่าทาง จำนวน 7 แผน 14 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ จำนวน 20 ข้อ แบบประเมินพฤติกรรมการกล้าแสดงออก วิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีวงจรการปฏิบัติ 3 วงจร ได้แก่ วงจรปฏิบัติการที่ 1 ใช้แผนการเรียนรู้ที่ 1-2 วงจรปฏิบัติการที่ 2 ใช้แผนการเรียนรู้ที่ 3-5 และวงจรปฏิบัติการที่ 3 ใช้แผนการเรียนรู้ที่ 6-7 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ความสามารถด้านการฟัง การพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและพฤติกรรมการกล้าแสดงออก โดยการสอนแบบตอบสนอง ด้วยท่าทาง ให้ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 มีรายละเอียดแต่ละวงจร ดังนี้ วงจรที่ 1 มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 7 คน นักเรียนไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก และออกเสียงไม่ถูกต้อง วงจรที่ 2 มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 8 คน นักเรียนมีความเข้าใจและคุ้นเคย กับคำศัพท์มากขึ้น และวงจรที่ 3 มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 10 คน นักเรียนเชื่อมโยงจากสิ่งที่ครูได้อธิบายและเปรียบเทียบกับค่าที่กลุ่มตนเองได้
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2558). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
ปทิตตา ติวงค์. (2560). งานวิจัยเรื่องการพัฒนาความสามารถด้านการฟัง–พูดภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทางของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.
พรสวรรค์ ขาวแร่. (2562). การพัฒนาทักษะการฟัง-พูดภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
พรสวรรค์ สีป้อ. (2552). สุดยอดวิธีสอนภาษาอังกฤษนำไปสู่การจัดการเรียนรู้ของครูยุคใหม่. กรุงเทพฯ: ไทยร่มเกล้า.
ภัทรวดี ปันติ. (2559). งานวิจัยเรื่องผลการใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทางที่มีต่อทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ และการกล้าแสดงออกของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกมล-เรียม สุโกสล (บ้านผาใต้). วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม. (2558). กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ป.4-6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
วีรวรรณ ราโช. (2561). งานวิจัยเรื่องการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบตอบสนองด้วยท่าทาง เพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สถาบันภาษาอังกฤษ. (2559). คู่มือการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา. (2560). สภาพและปัญหาการบริหารกิจการ นักเรียนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา. นครราชสีมา: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา.
สุทัศน์ สังคะพันธ์. (2557). นวัตกรรมการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนและทักษะในศตวรรษที่ 21 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. กรุงเทพ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
สุมิตรา อังวัฒนกุล. (2550). วิธีสอนภาษาอังกฤษ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรุณี วิริยะจิตรา. (2555). การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์.
Asher, J. (1982). Learning Another Language Through Actions: The Complete Teacher’s Guide Book. California: Sky Oaks Publication.
Krashen, S.D. and Terrel, T.D. (2015). The Natural Approach Language Acquisition in the Classroom. United Kingdom: Pergamon Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว