การใช้กิจกรรมการสอนตามกระบวนการอรรถฐานเพื่อพัฒนาความสามารถ การเขียนจดหมายสมัครงาน ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
คำสำคัญ:
กิจกรรมการสอนตามกระบวนการอรรถฐาน, การเขียนจดหมายสมัครงาน, นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาความสามารถในการเขียนจดหมายสมัครงานโดยใช้กิจกรรมการสอน
ตามกระบวนการอรรถฐาน ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาช่างไฟฟ้ากาลัง วิทยาลัยเทคนิค
ร้อยเอ็ด ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 และเพื่อศึกษาเจตคติที่มีต่อการเรียนการเขียนจดหมายสมัครงานของนักศึกษา
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทางธุรกิจและสังคม รหัสวิชา 3000-1201
จานวน 1 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 32 คน ที่ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองและเก็บรวบรวม
ข้อมูล คือ แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 3 แผน รวมทั้งหมด 18 ชั่วโมง แบบทดสอบความสามารถในการเขียนจดหมายสมัครงาน
และแบบวัดเจตคติต่อการเรียน การเขียนจดหมายสมัครงาน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบน
มาตรฐาน และค่า t-test (Dependent Samples) ผลการศึกษาปรากฏ ดังนี้
1. นักศึกษาที่ได้รับการสอนการเขียนจดหมายสมัครงาน โดยใช้กิจกรรมการสอนตามกระบวนอรรถฐานมีคะแนน
ความสามารถในการเขียนหลังเรียนรู้สูงขึ้นกว่าก่อนเรียน นอกจากนี้ยังเห็นได้ว่าความสามารถการเขียนจดหมายสมัครงาน
ของนักศึกษาทั้งหมดอยู่ในระดับดี
2. นักศึกษาที่ได้รับการสอนการเขียนจดหมายสมัครงาน โดยใช้กิจกรรมการสอนตามกระบวนอรรถฐาน มีเจตคติ
ต่อการเรียนภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนเรียนรู้อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
โดยสรุป การเรียนการเขียนจดหมายสมัครงาน โดยใช้กิจกรรมการสอนตามกระบวนอรรถฐาน ส่งผลให้ความสามารถ
ทางการเขียนจดหมายสมัครงานของนักศึกษาดีขึ้น และนักศึกษามีเจตคติต่อการเรียนการเขียนจดหมายสมัครงานสูงขึ้น
จึงควรสนับสนุนให้ครูนาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนต่อไป
เอกสารอ้างอิง
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนเขียนตามแนวทฤษฎีการสอนแบบอรรถฐาน และการสอน
แบบเดิม. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
สมสมัย วิสูตรรุจิรา. (2545). การเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษและเจตคติต่อการเขียนภาษาอังกฤษ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนเขียนตามแนวทฤษฎีการสอนแบบอรรถฐานกับการสอนเขียน
ตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
จินตนา นักบุญ. (2536). การเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนด้วยวิธีการเขียนตามข้อเท็จจริงโดยอาศัยแนวทฤษฎีการสอนภาษา
แบบอรรถฐานกับการสอนเขียนตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร.ถ่ายเอกสาร
ฉัตรชัย อภิวันท์สนอง. (2548). ศึกษาการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน ความสามารถในการเขียนและแรงจูงใจ
ในการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนด้วยวิธีตามแนวทฤษฏีการสอน
แบบอรรถฐานและการสอนตามคู่มือครู. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พรรณี ชูทัยเจนจิต. (2538) .จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อ.
ภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์. (2548). ทาไมเมืองไทยถึงไร้มาตรฐานทางภาษาต่างชาติ. กรุงเทพฯ: ฐานการพิมพ์
สุภัทรา อักษรานุเคราะห์. (2540). การใช้กลวิธีการสื่อสารกับการสอนภาษาอังกฤษ.พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
อัจฉรา วงศ์โสธร. (2538). การทดสอบและประเมินผลการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
Christie, F. (1987). Language and literacy: making explicit what’s involve; Paper presented at the Thirteenth
Annual conference of Australian Reading Association on Language and Learning, Sydney.
Christie, F. (1989). Genres in Writing in Christie, F. (Ed.) Writing in Schools, study guide Geelong, Victoria:
Deaking University Press, pp. 3-48.
Martin J.R. (1989). Factual Writing: Exploring and Challenging Social Reality. New York: Oxford University
Press.
Martin. Jl, & Rlthery, J. (1980). Writing Project Report No.1. Sydney: Department of Linguistics, University of
Sydney.
Martin. Jl, & Rlthery, J. (1980). Writing Project Report No.2. Sydney: Australia: Department of Linguistics,
University of Sydney
Miller, J.G. (1984). Culture and Development of everyday Social Explanation. Journal of Personality and
Social Psychology, 46(5), 96 1-78.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว