การพัฒนาความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย ด้วยกิจกรรมการสอนตามกระบวนการอรรถฐาน
คำสำคัญ:
การเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย, การสอนตามแนวอรรถฐาน, ความพึงพอใจบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อพัฒนาความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย และ 2) เพื่อศึกษา
ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการสอนการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบายด้วยกิจกรรมการสอนตามกระบวนการอรรถฐาน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ จานวน 15 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย
1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการอรรถฐาน 2) แบบทดสอบวัดความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย
3) แบบวัดความพึงพอใจ และ 4) เกณฑ์การประเมินความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์
ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลคะแนนการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย
ของผู้เรียนก่อนการจัดกิจกรรม คือ ร้อยละ 66.20 และหลังการจัดกิจกรรม คือ ร้อยละ 87.87 และ 2) ความพึงพอใจของผู้เรียน
ต่อการใช้กิจกรรมการสอนตามกระบวนการอรรถฐานเพื่อพัฒนาความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษ เชิงอธิบายอยู่ในระดับมาก
สรุป การจัดกิจกรรมการสอนตามกระบวนการอรรถฐานสามารถส่งเสริมความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย
ของผู้เรียนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เรียนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อการจัดกิจกรรมตามกระบวนการอรรถฐาน ซึ่งกิจกรรมการสอน
ดังกล่าวเป็นแนวทางการสอนที่เหมาะสม ควรค่าแก่การนาไปจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษเชิงอธิบาย
เอกสารอ้างอิง
ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. มหาสารคาม: วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
จินตนา นักบุญ. (2536). การเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนด้วยวิธีการเขียนตามข้อเท็จจริงโดยอาศัยแนวทฤษฎีการสอนภาษา
แบบอรรถฐานกับวิธีการสอนตามคู่มือครู. กรุงเทพฯ: วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ฉัตรชัย อภิวันท์สนอง. (2548). ศึกษาการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน ความสามารถในการเขียน และแรงจูงใจ
ในการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนด้วยวิธีตามแนวทฤษฎีการสอน
แบบอรรถฐานและการสอนตามคู่มือครู. กรุงเทพฯ: วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. มหาวิทยาลันศรีนครินทรวิโรฒ.
ภาสกร แจ่มจันทร์เกษม. (2534). การศึกษาเปรียบเทียบความสามารถทางการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษ และความคิด
สร้างสรรค์ทางภาษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการสอนด้วยแนวทฤษฎีการสอนแบบอรรถฐาน
(Genre Based Approach) กับวิธีการสอนตามคู่มือครู. กรุงเทพฯ: วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
วิไลพร ธนสุวรรณ. (2536). เทคนิคการสอนเขียนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษา. เชียงใหม่: คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ศรีนวล บุญธรรม. (2545). การส่งเสริมความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษและการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยวิธีการเรียนรู้ภาระงานที่ใช้ความรู้เป็นฐาน. เชียงใหม่: วิทยานิพนธ์ กศ.ม.
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สมสมัย วิสูตรรุจิรา. (2548). การเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษและเจตคติต่อการเขียนภาษาอังกฤษ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนเขียนตามแนวทฤษฎีการสอนแบบอรรถฐานกับการสอนเขียน
ตามคู่มือครู. กรุงเทพฯ: วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สุนันทา อินคาเชื้อ. (2552). การใช้แนวการสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษ
เชิงสร้างสรรค์และความรู้คาศัพท์ของนักเรียนในระดับกาลังพัฒนา. เชียงใหม่: วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อินทร์วุธ เกษตระชนม์. (2551). ผลการสอนเขียนตามแนวคิดอรรถฐานที่มีต่อความสามารถในการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์
และความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. กรุงเทพฯ: วิทยานิพนธ์ ค.ม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
L. S. and Hayes, J. Flower. (1980). The Cognition of Discovery a Rhetorical Problem. College Composition
and Communication.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว