การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำทางวิชาการของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5

ผู้แต่ง

  • นิสาลักษณ์ จันทร์อร่าม สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  • กาญจน์ เรืองมนตรี สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

คำสำคัญ:

การพัฒนาโปรแกรม, ภาวะผู้นำทางวิชาการ, แนวทางการพัฒนา

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำทางวิชาการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู จำนวน 327 คน ใช้เทคนิคการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบประเมิน และแบบสอบถามแบบมาตราส่วน 5 ระดับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าดัชนีความสอดคล้อง ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค และค่าดัชนี ความต้องการจำเป็น ผลการวิจัยพบว่า

1. องค์ประกอบภาวะผู้นำทางวิชาการ มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ เป็นแบบอย่างทางการสอน มีส่วนร่วมในการพัฒนา ตนเองและเพื่อนครู พัฒนานักเรียน และเป็นผู้นำในการแก้ปัญหา

2. สภาพปัจจุบันของภาวะผู้นำทางวิชาการของครู โดยรวมอยู่ในระดับน้อย สภาพที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำ ทางวิชาการครู โดยรวมอยู่ในระดับมาก ความต้องการจำเป็น ภาวะผู้นำทางวิชาการของครู โดยเรียงลำดับความต้องการจำเป็น จากมากไปหาน้อย คือ การพัฒนานักเรียน การมีส่วนร่วมในการพัฒนา การพัฒนาตนเองและเพื่อนครู

3. แนวทางการเสริมสร้างภาวะผู้นำทางวิชาการครู มี 3 วิธีได้แก่ การฝึกอบรม การศึกษาดูงาน การพัฒนาตนเอง รูปแบบ 70:20:10 4. โปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำทางวิชาการ ได้แก่ วัตถุประสงค์ เนื้อหากิจกรรม การวัดและประเมินผล โดยรวม มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด และความเป็นไปได้ของโปรแกรมอยู่ในระดับมากที่สุด

เอกสารอ้างอิง

กนกรัตน์ ภู่ระหงษ์. (2549). ประสิทธิผลการดำเนินงานตามมาตรฐานการศึกษาด้านผลผลิตของผู้บริหารและพนักงานครู ในสถานศึกษา สังกัดเทศบาลจังหวัดสระบุรี. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. เลย: มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย.

ไกศิษฏ์ เปลรินทร์. (2552). การพัฒนาตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำทางวิชาการสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้น พื้นฐาน. วิทยานิพนธ์ ดุษฎีบัณฑิต ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. ขอนแก่น: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ประชิด สกุณะพัฒน์ และอุดม เชยกีวงศ์. (2549). วันสำคัญ. กรุงเทพฯ: ภูมิปัญญา.

ยอดอนงค์ จอมหงษ์พิพัฒน์. (2553). การพัฒนาโปรแกรมพัฒนาครูผู้นำการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา ขั้นพื้นฐาน. ดุษฎีบัณฑิต ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาวะผู้นำทางการบริหารการศึกษา. สกลนคร: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.

วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2541). การจัดการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อ.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5.(2559). ข้อมูลสารสนเทศปีการศึกษา 2558. สืบค้นเมื่อ 10 ธันวาคม 2559, จาก www.kkn5.go.th

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.(2553). คู่มือประเมินสมรรถนะ. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน.

อาภารัตน์ ราชพัฒน์. (2554). การพัฒนาตัวบ่งชี้ภาวะผู้นำทางวิชาการสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. ดุษฎีนิพนธ์. หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

Bar, M.J.& Keating,L.A. (1990). “Introductoin : Elements of program development,” in M.J.Barr, L.A.Keating and Associates. Developing effective student services program. San Francisco: Jossey-Bass.

Fullan. (2006).The New Meaning of Educational Change.

Harris, A. & D. Muijs. (2005). Improving Schools through Teacher Leadership.

Hartley & Hinksman. (2003). Leadership and Management Development in Education.

Lieberman, A. & L. Miller. (2004). Teachers : Transforming their World and their Work.

Pellicer & Anderson, (1995). We characterize teacher leaders as individuals who are actively involved in promoting change.

Strodl, (1992) .school level, they have also exercised informal leadership.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-06-01

รูปแบบการอ้างอิง

จันทร์อร่าม น., & เรืองมนตรี ก. (2018). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำทางวิชาการของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, 12(1), 187–196. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/reru/article/view/164887

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย