สภาพปัญหาการสื่อสารภาษาไทยของชาวต่างชาติ ความต้องการจำเป็น และแนวทางในการพัฒนาแอปพลิเคชันการสอนภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร สำหรับชาวต่างชาติ

ผู้แต่ง

  • ขันแก้ว มาพรม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

คำสำคัญ:

สภาพปัญหา, แอปพลิเคชัน, ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร, ชาวต่างชาติ

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การวิจัย นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการจำเป็น และแนวทางการพัฒนาแอปพลิเคชันการสอนภาษาไทยเพื่อการสื่อสารสำหรับชาวต่างชาติ
ระเบียบวิธิวิจัย: งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ในระยะที่ 1 กลุ่มเป้าหมายคือชาวต่างชาติที่ท่องเที่ยวและพำนักในประเทศไทยจำนวน 50 คน ซึ่งเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ที่มีค่าความเที่ยงตรง (IOC 0.50-1.00, ค่าความเชื่อมั่น 0.70-0.90) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย() และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) และค่า t-test

ผลการวิจัย: พบว่า 1. สภาพปัญหาการสื่อสาร: ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (=4.34) โดยด้านที่มีปัญหามากที่สุดคือการฟัง (=4.60) รองลงมาคือด้านการพูด (=4.49) เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านคำศัพท์และการสร้างประโยค ส่วนด้านการอ่าน การเขียน และการสื่อสารโดยรวมมีปัญหาในระดับมากเช่นเดียวกันซึ่งปัญหาเหล่านี้สะท้อนลักษณะเฉพาะของภาษาไทยที่ถูกจัดว่าเป็นภาษาที่เรียนยากภาษาหนึ่งของโลกเนื่องจากมีวรรณยุกต์ที่ต้องผันหลายเสียงและมีความซับซ้อนของคำ จากการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ พบว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประสบปัญหาด้านการสื่อสารภาษาไทยในภาพรวมมากกว่ากลุ่มชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามระยะเวลาการพำนัก พบว่า กลุ่มที่พำนักในประเทศไทยมากกว่า 6 ปี จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 16.00 มีระดับปัญหาการสื่อสารโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (=3.48) 2. ความต้องการจำเป็น: กลุ่มเป้าหมายมีความต้องการแอปพลิเคชันเพื่อการพัฒนาทักษะในระดับมากที่สุด (ร้อยละ 76, (=4.56, S.D. =0.56) โดยต้องการเรียนรู้กับผู้สอนชาวไทยที่สามารถสื่อสารสองภาษา (ไทย-อังกฤษ) ( = 4.70, S.D. = 0.49) เนื้อหาที่ต้องการเน้นการใช้งานจริง 8 บริบท ได้แก่ การทักทาย การแนะนำตนเอง การขอความช่วยเหลือ การขนส่งสาธารณะ การซื้อสินค้า การสั่งอาหาร การนัดหมาย และการสื่อสารในสถานศึกษา 3. แนวทางการพัฒนาแอปพลิเคชัน: ควรพัฒนาแอปพลิเคชันตามแนวคิดของการเรียนรู้แบบเคลื่อนที่ (Mobile Learning - mLearning) และหลักการออกแบบเชิงปฏิสัมพันธ์ (Interaction Design - IxD):ควรรองรับทั้ง iOS และ Android ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere, Anytime) เข้าถึงง่าย( Accessibility & Portability) ผ่านสมาร์ทโฟนของตนเอง แบบ Context-aware และMicro-learning มีสื่อประมวลผลเสียง (Audio clips) เน้นไปที่การฝึก Ear Training เพื่อก้าวข้ามความแตกต่างทางภาษาศาสตร์เปรียบต่างนี้ให้ได้ และควรมีฟีจเจอร์แยกเสียง Minimal Pairs ฟีเจอร์ปรับความเร็วเสียง (Speed Control) และการแสดงคลื่นเสียง (Visual Waveform) เพื่อให้เห็นความแตกต่างของเสียงพยัญชนะ เสียงควบกล้ำ เพื่อแก้ปัญหาการฟังไม่ทัน ฟังไม่ออก ระบบการเรียนรู้ผ่านภาพ (Visual-based Learning) นอกจากนี้ ควรบูรณาการภาษาไทยถิ่นร่วมกับบริบทสถานการณ์จริง (Authentic Learning) เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มเป้าหมายที่พำนักกระจายตัวตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย

สรุปผล: ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวหรือพำนักในประเทศไทยมีปัญหาการสื่อสารภาษาไทยด้านการฟังอยู่ในระดับมากที่สุด (=4.60) สาเหตุหลักมาจากความไม่เข้าใจคำศัพท์และการแยกแยะเสียงวรรณยุกต์ ซึ่งอาจจะไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของชาวต่างชาติ แต่เกิดจาก Interlanguage (ภาษาระหว่างภาษา) ที่ผู้เรียนยังติดกับดักทางโครงสร้างเสียงจากภาษาแม่ ความแตกต่างระหว่างภาษาแม่ (L1) และภาษาเป้าหมาย (L2) คือสาเหตุหลักของความยากลำบากในการเรียนรู้ ยิ่งต่างกันมากเท่าไหร่ ปัญหาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามทฤษฎีภาษาศาสตร์เปรียบต่าง (Contrastive Analysis) และ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่มีความต้องการให้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันดังกล่าวโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเนื้อหาในบทเรียนเป็นภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ส่วนใหญ่ต้องการเรียนรู้กับแอปพลิเคชันมากที่สุด โดยผู้สอน/วิทยากรเป็นคนไทย สอนเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กันมากที่สุด และเนื้อหาบทเรียนชาวต่างชาติมีความต้องการเรียนรู้มี 8 บริบท นอกจากนี้ ชาวต่างชาติยังเสนอแนะให้พัฒนาแอปพลิเคชันให้สอดคล้องกับแนวคิดของการเรียนรู้แบบเคลื่อนที่ (Mobile Learning - mLearning) และหลักการออกแบบเชิงปฏิสัมพันธ์ (Interaction Design - IxD): เพิ่มเติมคำศัพท์ที่ทันสมัย และประโยคที่ใช้สื่อสารจริงในชีวิตประจำวัน และหากเป็นไปได้บูรณาการภาษาไทยถิ่นร่วมกับบริบทสถานการณ์จริง (Authentic Learning) เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มเป้าหมายที่พำนักกระจายตัวตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย

เอกสารอ้างอิง

กรมประชาสัมพันธ์.(2567). 10 อันดับประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก. สืบค้นจาก https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/31/iid/280244

ขันแก้ว มาพรม, ณภัทรติญา ชูสกุล และอุบลวรรณ จันทรเสนา (2566). สภาพปัญหา ความต้องการและแนวทางในการฝึกอบรมหลักสูตรเพื่อเตรียมความพร้อมในการทดสอบ TOEIC ของ

นักศึกษาโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. วารสารครุศาสตร์ ปีที่ 20(2):95-105.

ณัฐกฤตา นรชาญ.(2557). สภาพปัญหาและความต้องการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน.วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา)

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

นันทนา ทองทวีวัฒนะ.(2562). ปัญหาการเขียนภาษาไทยของนักศึกษาต่างชาติมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ.วารสารวรรณวิทรรศ.19(1):160-178.https://doi.org/10.14456/vannavidas.2019.6

นิภา กู้พงษ์ศักดิ์.(2562). ปัญหาการใช้ภาษาไทยของนักศึกษาต่างชาติ: กรณีศึกษานักศึกษาจีนมหาวิทยาลัยกรุงเทพ. วาสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์ ปีที่ 31(1): (123-139).

บุญชม ศรีสะอาด. (2556). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่ม 1 (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์.(2534). เทคนิคการสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัย. กรุงเทพฯ : B and V pubishing.

ปราณี หลําเบ็ญสะ. 2559. การหาคุณภาพของเครื่องมือวัดและประเมินผล.สาขาการวัดและประเมินผล. คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.

ไพศาล วรคำ. (2559). การวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 8). มหาสารคาม: ตักสิลาการพิมพ์.

รมณียา สุรธรรมจรรยา. (2558). ผลการใช้แอพพลิเคชั่นสำหรับสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษบนแท็บเล็ตวิชาภาษาอังกฤษสำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร.

รสริน ดิษฐบรรจง. (มกราคม–เมษายน 2561). การศึกษาปัญหาการเขียนภาษาไทยของ นักศึกษาจีนจาก Guangxi Agricultural Vocational College มณฑลกว่างซี สาธารณรัฐประชาชนจีน. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี, 1(1), 38–53.

รัตนา ดีศาลา. ผลการใช้แบบฝึกเพื่อพัฒนาความสามารถในการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดสระบัว สำนักงานเขตปทุมวัน สังกัดกรุงเทพมหานคร. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2544.

รุจิรา เส้งเนตร. (สิงหาคม 2561). ปัญหาการใช้ภาษาไทยนิสิตตางชาติ: กรณีศึกษา นิสิตแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยนานาชาติซีอานที่มาเรียนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. Journal of

Korean Association of Thai Studies, 25(1), 205–217.

รุ่งฤดี แผลงศร. (2561). ศาสตร์การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ล้วน สายยศและอังคณา สายยศ. (2542). การวัดด้านจิตพิสัย. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น,

วรรณทิพา รอดแรงค้า และพิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2542). กิจกรรมทักษะการบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับครู. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ปแมเนจเมนท์.

วัชรพล วิบูลยศริน. (2553). การสร้างแบบเรียนสนทนาภาษาไทยเบื้องต้นสำหรับผู้เรียนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ. วิทยานิพนธ์ศศ.ม. (สาขาวิชาภาษาไทย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

วาสนา สิงห์ทองลา และ ดร.สิทธิพล อาจอินทร. (2012). การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาเพื่อการสื่อสาร.

วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 35(3): 58.

วิรัช วงศ์ภินันท์วัฒนา. (2549). การพัฒนาหลักสูตรภาษาไทยเบื้องต้นสำหรับชาวต่างประเทศที่เน้นการเรียนรู้ตามสภาพจริง. วิทยานิพนธ์ ปร.ด. (สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน).

ขอนแก่น:บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

วีนา สงวนพงษ์ และทรงศิริ วิชิรานนท์.(2555). แนวทางการจัดการศึกษาหลักสูตรภาษาไทยประยุกต์สำหรับชาวต่างชาติ.วิทยานิพนธ์ คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร.

ศศิธร เวียงวะลัย. (2556). การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โอเดี้ยนสโตร์.

สถาบันภาษาอังกฤษ. (2557). คู่มือการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากลระดับชั้นมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ :

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

สมาน เอกพิมพ์. (2560). การจัดการเรียนรู้ สิ่งแวดล้อมและการจัดการชั้นเรียนในศตวรรษที่ 21.มหาสารคาม. : ตักศิลาการพิมพ์.

สุกัญญา ศุภพลกิจ. (2551). การสร้างหนังสือเตรียมความพร้อมทางภาษา สำหรับผู้เรียนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. (สาขาวิชาการสอนภาษาไทย). เชียงใหม่:

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สุจริต เพียรชอบและสายใจ อินทรัมพรรย์. วิธีการสอนภาษาไทยระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. กรุงเทพ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544.

สุชาดา พลาชัยภิรมย์ศิล. (2554, ตุลาคม). แนวโน้มการใช้ โมบายแอพพลิเคชัน. วารสารนักบริหาร : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, ปีที่ 31, ฉบับที่4 (ตุลาคม-ธันวาคม 2554). สืบค้นจาก้http://www.bu.ac.th/knowledgecenter/executive_journal/oct_dec_11/pdf/aw018. pdf.

สมนึก ภัททิยธนี. (2551). การวัดผลการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์.

อรกัญญา อนันต์ทรัพย์สุข.(2564). ภาษาไทยที่ใครว่าง่าย ทำฝรั่งถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก สืบค้นจาก .

https://www.sti.chula.ac.th/knowledge/2936/

อารีรักษ์ มีแจ้ง และ สิริพร ปาณาวงษ์. (2553). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูภาษาอังกฤษโดยใช้ปัญหาเป็นฐานสำหรับครูผู้สอนช่วงชั้นที่ 2. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 12(2): 17-31.

อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮาส์.

Good, Cater V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw Hill Book Company.

Littlewood, W. (2004). Communicative Language Teaching: An Introduction. UK: Cambridge University Press.

Prapphal, K. (2001). English proficiency of Thai learners and directions of English teaching in Thailand. Journal of English Studies. 1(1): 6-12.

Richards, Jack C. (2006). Communicative Language Teaching Today. Cambridge: Cambridge.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-27

รูปแบบการอ้างอิง

มาพรม ข. . (2025). สภาพปัญหาการสื่อสารภาษาไทยของชาวต่างชาติ ความต้องการจำเป็น และแนวทางในการพัฒนาแอปพลิเคชันการสอนภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร สำหรับชาวต่างชาติ. Journal for Developing the Social and Community, 12(3), 493–516. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rdirmu/article/view/291161

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย